31/12/54

แก้ไขปัญหาการต่อลำโพงแบบขนาน

ผมขอลงรูปกล่องที่ผมออกแบบเพื่อนำไปใช้แก้ปัญาเรื่องการติดลำโพงแบบขนานจำนวนมากในบ้านนก

ขออนุญาติลงแต่รูปไว้ก่อน เดี่ยวว่า่งหน่อยจะกลับมาบอกคุณลักษณะเด่นที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องของระบบเสียงภายในบ้านนกได้ครอบคลุมเกือบเทุกปัญหาในกล่องเดียวครับ  สะดวก ใช้งานง่ายมาก










                                                           ส่งท้ายปีเก่า ปี 2554

                                                         Vuthmail - Thailand
                                                         30.12.2554




2/12/54

สิ่งที่ได้จากมหาอุทกภัย ตอนที่ 1








6/10/54

การแก้ปัญหาของ VM80 ด้วยตัวท่านเอง

ในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรงมาก แกว่งตัวไปมาอย่างรวดเร็ว ประกอบกับอยู่ในช่วงหน้าฝน 

จึงทำให้มีฝนตกฟ้าคะนอง-ฟ้าผ่า ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆในบ้านนกของท่านได้  ตัวผมเองได้รับทราบจากหลายๆท่านได้ประสบโดนฟ้าผ่า ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเสียหาย

โดยเฉพาะทางจันทบุรี ตราด ซึ่งบ้านนนกของคุณ ธรรมพร เกิดโดนฟ้าฝ่าได้รับความเสียหาย ผมจึงได้นำวิธีการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น ซึ่งสามารถซ่อมแซมเองได้ โดยใช้อุปกรณ์พื้นฐานตามที่มีในร้านอิเลคโทรนิคทั่วไป 

อาการที่คุณธรรมพรแจ้งมาก็คือ ไฟ LED ที่ใช้แสดงผลอุณหภูมิความชื้นที่จอหน้าปัด ไม่แสดงค่า หากว่าตัว PCB ไม่เสียหาย ก็ซ่อมแซมจะกระทำได้ง่ายมาก ซึ่งผมพอสรุปอาการที่เป็นปัญหาได้ 2 ประเด็นก็คือ ฟิวส์ในบอร์ดขาด หรือ คาปิซิเตอร์แสดงผลสัทธ์ได้รับความเสียหาย  ดังนั้นแนวทางในการแก้ไข สามารถทำได้ดังนี้คือ

1.-ตัว Fuse ในบอร์ดขาด
2.-ตัว Capacitor 103 อาจจะเสียหาย

ซึ่ง VM80 นี้ถูกออกแบบมาให้สามารถซ่อมแซมเบื้องต้นเองได้ตามร้าน Electronic ทั่วไปครับ ให้ดูรูปการซ่อมแซมในเบื้องต้น ตามรูปประกอบทั้ง 3 รูปด้านล่างนี้นะครับ


รูป 2 รูปแรก นี้เป็นรูปที่แสดงขั้นตอนในการแกะหน้าปัดเอาบอร์ดออกจาก Case





เมื่อแกะหน้าปัดเครื่อง VM80 ออกมาได้แล้ว ก็ให้ดูบริเวณด้านหลังเครื่อง เราจะเป็นตามรูปด้านล่าง ซึ่งชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ เหมือนในรูป การแก้ใขก็ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่าง   - ดูรูปประกอบ -




1.-ตัว Fuse ในบอร์ดขาด สามารถแก้ไขได้โดยการเปลี่ยน ฟิวส์หมายเลข GR265 040 หรือ ฟิวส์ที่สามารถทนกระแสได้ 10A เข้าไปใหม่  กรณีที่ Fuse ในบอร์ดไม่เสียหาย ก็จะเป็นที่ตัว Capacitor เบอร์ 103 อาจจะได้รับความเสียหายจากการใช้งาน

2.-ในกรณี Capacitor 103 เสียหาย  ซึ่งการซ่อมแซมจะสามารถทำได้ 2 กรณี คือ
              2.1 - ตัดขา Capacitor ตัวนี้ทิ้งไปเลยทั้ง 2 ขา
              2.2 - หรือเปลี่ยน Capacitor เบอร์ 103 ตัวใหม่แทนที่ของเก่า

เมื่อแก้ไขเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆเสร็จแล้วก็สามารถนำ Board ใส่กลับเข้าไปใน Case ให้แน่นสนิทเหมือน เดิมแเล้วก็สามารถนำไปใช้งานต่อได้ทันที เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆๆ ส่วนโปรแกรมหรือค่าพารามิเตอร์ต่างๆที่เคยตั้งไว้ยังคงใช้ได้เหมือนปกติ  (ของเค้าดีจริงๆ ต้องขอชมโรงงานต่างประเทศที่ผลิต)

หากว่าท่านเคยใช้เครื่องบัดกรี การเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้สามารถทำได้เองไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปจ้างช่างให้ซ่อมเครื่องให้เสียเงินเสียสตางค์  ซึ่งอาจจะซ่อมไม่ถูกจุด หรือโกงค่าซ่อมแพงๆ ผมจึงได้นำวิธีแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้กับผู้ที่ใช้เครื่องควบคุมอุณหภูมิ-ความชื้น VM80 เพื่อจะสามารถใช้งานเครื่องได้อย่างทันท่วงทีเพื่อให้สามารถควมคุมอุณหูมิ-ความชื้นไม่ให้แกว่งไปมาอย่างไร้การควบคุม เพราะสืบเนื่องจากการที่จะต้องส่งเครื่องมาซ่อม หรือ เสียเวลาไปกับการหาช่างซ่อม เพราะบางครั้งกว่าจะหาสาเหตุเจอก็เสียเวลาไปมาก  หรืออาจจะซ่อมไม่ถูกจุดผิดพลาดไปกันใหญ่  เสียทั้งเวลาและเสียโอกาสที่จะควบคุมอุณหภูมิ-ความชื้นไปนั้นเอง

                                                                                               Vuthmail-Thailand
                                                                                                       06.10.54

29/9/54

ประสิทธิภาพที่ลดลง

เนื่องจากผมยังบทความอีกหลายบทความที่ต้องการจะเขียนลง Blog แต่ว่ายังติดอยู่ที่ว่ายังทำเรื่อง Cooling Pad ไม่จบ ก็เลยขอว่าเรื่องของ Cooling Pad ต่อเลยนะครับ

อย่างที่ผมได้กล่าวมาแล้วว่า Cooling Pad จะทำงานได้ดีจะต้องมีอากาศไหลผ่านเข้าและออก หากว่าอากาศไหลเข้าไม่สะดวก ติดๆขัด ประสิทธิภาพในการทำงานก็จะด้อยลงไปมาก ดังนั้นต้องหมั่นดูแลอย่าให้ Cooling Pad เสียหาย หรืออุดตัน ซึ่งหากว่าทั้งเสียหายและอุดตันด้วยแล้ว ประสิทธิภาพก็แย่ลงมากเลย

จาก Clip ที่ว่านี้ เราจะเห็นนะครับว่า Cooling Pad สกปรกมาก เกิดการอุดตันที่ Pad ทำให้อากาศไหลเข้าได้น้อย เมื่ออากาศไหลเข้าน้อย หรือไหลเข้าไม่สะดวก ประสิทธิภาพการลดอุณหภูมิ เพิ่มความชื้นของ Cooling Pad ก็ด้อยลงไปถนัดตา ดังนั้นเราจำเป็นต้องหมั่นดูแลทำความสะอาด ซึ่งอาจจะทำตามใน Clip ของคุณ Zachsoftware ด้วยเครื่องดูดฝุ่น Bullhead Fire (ต้องโฆษณาให้เจ้าของผลิตัณฑ์เค้าหน่อย) ซึ่งต้องขอขอบพระคุณ คุณ Zachsoftware ที่ได้ Upload ไว้บน Youtube





Link ที่มาของ Clip - http://www.youtube.com/watch?v=6sHeyXWgzJo

ปัญหาต่อมาของ Cooling Pad ก็คือการถูกหนูและแมลงสาบกันกิน Pad จนเสียหายเป็นรูกว้าง เนื่องจาก Pad ผลิตมาจาก Cellulose ฟันหนู หรือแมลงสาบกัดกินได้สบายๆ ดังนั้น Cellulose ใน Pad จึงเป็นได้ทั้งแหล่งอาหารและที่หลบซ่อนของหนู,แมลงสาบไปพร้อมกัน ซึ่งหากว่าในบ้านนกของท่านยิ่งมีหนูมาก ก็ยิ่งมีรูหลายรู และสร้างความเสียหายให้กับระบบการควบคุมอุณหภูมิ-ความชื้นภายในบ้านนกมากตามไปด้วย

ต่อมาเรามาลองดูนวตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาทั้ง 2 เรื่องนี้ได้ดีพอประมาณ โดยการเปลี่ยนจาก Cooling Pad ที่เป็น Cellulose มาเป็นพลาสติกดูกันบ้างนะครับ

ปัญหาเรื่องของการอุดตัน จะแก้ไขได้สะอาดกว่ามาก ทำไมผมถึงพูดว่าสะอาดกว่ามาก เรามาดูกันใน Clip ตัวนี้ครับ จะเห็นได้เลยว่าทำความสะอาดได้ง่ายกว่า สะดวกกว่า และ ที่สำคัญคือสะอาดมาก



Link อ้างอิง - http://www.youtube.com/watch?v=T9XsR_y6cks&feature=mfu_in_order&list=UL





Link อ้างอิง - http://www.youtube.com/watch?v=LRlqqWBXVpM

ต้องขอขอบพระคุณ คุณชนินทร์ ทับทอง สำหรับ Clip ทั้ง 2 ตัวนี้ด้วยครับ


สำหรับ VDO ด้านล่างนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึง Pad ที่ทำจากพลาสติก จะทนต่อแรงอัดของน้ำแรงดันสูงๆได้ ซึ่งหากว่าเป็น Pad ที่ทำจาก Cellulose จะทนแรงดันของน้ำที่พ่นออกมาได้น้อยกว่าหรือไม่ได้เลย

หลายคนหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่ามี Pad ที่ทำจากพลาสติก ผมจึงขออนุญาตินำมาเผยแพร่ใน Blog บ้านนกเป็นคนแรกนะครับ เพราะดูแล้วยังไม่มี Blog ไหนได้หยิบยกขึ้นมานำเสนออย่างเป็นทางการ แม้กระทั่ง Blog ของมาเลเซียเองก็ยังไม่มีการกล่าวถึง ผมจึงคิดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับหลายๆคนหลายๆท่าน จึงได้ติดต่อกับคุณชนินทร์ เจ้าของ Clip เพื่อขออนุญาตินำ Clip ทั้ง 2 ตัวมาลงใน Blog อย่างถูกต้องเมื่อราวๆ 1 เดือนก่อนหน้า และวันนี้ที่นำ Clip มาลงในบทความ ผมก็ได้โทรบอกกล่าวเพิ่มเติมอีกครั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สบายใจได้ครับ

และจากการที่ได้พูดคุยกับคุณชนินทร์ ทำให้ทราบว่า Cooling Pad ที่ผลิตจากพลาสติกนี้ยังมีข้อดีอีกอย่างก็คือ หนูกับแมลงสาบไม่ค่อยชอบกัดกินเท่าไหร่ เพราะว่าคงจะไม่ค่อยเอร็ดอร่อยกระมั่ง ถึงแม้ว่าจะมีรอยกัดเป็นแผล ก็จะเป็นเพียงแผลตื้นๆไม่ถึงกับทะลุ จึงสร้างความเสียหายไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และ Pad พลาสติกของคุณชนินทร์สามารถทำความสะอาดได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับ Pad แต่อย่างไร

เป็นธรรมดาของโลกนะครับ เมื่อมีข้อดีบางอย่างก็จะมาพร้อมกับข้อด้อยบางประการ ซึ่ง Pad พลาสติกก็เช่นกัน เมื่อมีข้อดี ก็จะต้องตามมาด้วยข้อด้อยบางประการ ที่ข้อด้อยตัวนี้จะกลับกลายเป็นประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งผมกำลังจะกล่าวถึง ก็คือการให้ความชื้นของ Pad พลาสติกเมื่อเทียบกับ Pad ที่ทำจาก Cellulose แล้วจะให้ความชื้นต่ำกว่าประมาณ 5-7 Rh% โดยเฉลี่ย (ตามปกติแล้ว Pad ที่ผลิตจาก Cellulous จะสร้างความชื้นได้สูงมากถึง 92 Rh% )  ดังนั้นหากว่าดูจากตัวเลข 92 Rh% และค่าเฉลี่ยที่ Pad พลาสติกทำความชื้นได้น้อยกว่า 5-7 Rh%  ซึ่งตัวเลขตั้ง 2 ชุดนี้กำลังจะก่อให้เกิดตัวเลขใหม่ที่น่าสนใจมากก็คือ ในขณะที่ความชื้นของ Pad Cellulose ให้ความชื้นอยู่ที่ระดับ 92 Rh% แต่ว่า Pad พลาสติกจะให้ความชื้นในช่วง 75-85 Rh%  ซึ่งเป็นความชื้นที่นกแอ่นชื่นชอบพอดี

ระดับความชื้นจาก Pad Cellulose ที่ระดับ 92 Rh% หรือมากกว่าเล็กน้อย จะเกิดขึ้นได้เนื่องจากสภาพสิ่งแวดล้อมภายนอกชื้นสูงมาก เมื่อมีฝนตกหนัก ตกต่อเนื่องบ่อยๆ ในช่วงฤดูฝนนี่เองเราจะพบว่าบ่อยครั้งที่ความชื้นของ Pad Cellulose สูงเกินไป จนทำให้ไม้ Plank เกิดราได้ แต่หากว่าเป็น Pad พลาสติกข้อด้อยเรื่อง 5-7 Rh%  นี้เองที่จะไปช่วยลดโอกาสที่จะทำให้เกิดราบนไม้ Plank ได้ โดยส่วนตัวผมมอง Pad พลาสติกจะเริ่มเข้ามามีบทบาทด้วยเงื่อนไขนี้ และ เมื่อราคาสมเหตุสมผลกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่ราคายังสูงมากเมื่อเทียบกับ Pad Cellulose

ทำผมการบ้านเรื่อง Cooling Pad มาสักพักใหญ่แล้ว ได้นำเสนอข้อมูลใหม่ๆ ให้เพื่อนๆที่ติดตามอ่าน Blog ได้รับรู้รับทราบมาพอประมาณแล้วครับ ยังขาดแต่เรื่องเทคนิคบางอย่าง  จึงขอยกไปนำเสนอในบทความต่อๆไปในอนาคตอันใกล้นี้

                                                                                  Vuthmail-Thailand
                                                                                          29.09.54                                                   

12/9/54

ผลกระทบและประสิทธิภาพของมุมเอียง Pad

เรามาว่ากันต่อนะครับสำหรับการเลือกมุมเอียงที่ให้อากาศไหลเข้า Pad และ อากาศไหลออกจาก Pad

เนื่องจากอากาศและน้ำจะมีคุณสมบัติเหมือนกันอยู่หลายอย่าง สำหรับคนที่เรียนวิทยาศาสาตร์หรือวิศวะกรคงจะได้ผ่านหูผ่านตามากันบ้างสำหรับคำว่า Fluid หรือของไหล ซึ่งคุณสมบัติของอากาศและน้ำของมีความคล้ายคลึงกัน ดังนั้นเราสามารถที่จะหาคุณสมบัติร่วมของทั้ง 2 อย่างเพื่อการเปรียบเทียบให้เกิดความเข้าใจ สามารถเห็นภาพเปรียบเทียบที่ใกล้เคียงกันได้มากพอประมาณ เพราะว่าทั้งน้ำและอากาศจะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันคือสามารถไหล แต่การไหลของอากาศจะไม่สามารถจับต้องได้ เห็นได้ยากกว่าการไหลของน้ำจึงต้องนำทั้ง 2 อย่างมาพูดเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น

จากที่ผมได้เกริ่นดังข้างต้นมาแล้ว ผมคิดว่าบางท่านที่มีพื้นฐานเรื่องนี้อาจจะเข้าใจได้ทันที บางท่านอาจจะไม่ยังเข้าใจ แต่ไม่เป็นไรผมจะเริ่มอธิบายให้ท่านทำความเข้าใจไปตามที่ละขึ้นทีละตอน การหันมุมเพื่อให้ถูกต้องว่า Pad มุมไหนจะต้องหันออก มุมให้จะต้องหันเข้า

เรามาดูและทำความเข้าใจจากภาพนี้กันก่อนนะครับ




จากภาพ พร้อมคำอธิบายที่ผมเขียนประกอบคงทำให้หลายท่านร้องอ้อ ถึงบางอ้อกันแล้วนะครับ

การเลือกทางไหลออกของอากาศ จะเป็นตัวสำคัญครับ เพราะว่ามุมที่อากาศไหลออก และเข้าไปสู่ตัวบ้านจะต้องต่ำกว่า ก็เนื่องมาจากสาเหตุว่าน้ำและอากาศเองก็จะมีน้ำหนัก เมื่อมีน้ำหนักก็จะไหลลงที่ต่ำเสมอและสะดวกกว่าการไหลขึ้น การไหลขึ้นนั้นจะต้องอาศัยความต่างศักดิ์ของอากาศสูง

ในบ้านนกหรือโรงเรือนเลี้ยงไก่นั้นเราสามารถสร้างความต่างศักดิ์ของอากาศได้ด้วยพัดลมดูดอากาศนั้นเอง ขอให้เพื่อนๆได้หยุดทำความเข้าตรงนี้ให้มากนะครับ ซึ่งจะมีผลต่อการทำความเข้าใจในส่วนต่อๆไป และสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้งานได้อีกมาก

ดังนั้นการหัน Pad ที่มีมุมเอียง 2 มุมที่แตกต่างกันนี้จะต้องหันด้านให้ถูกต้อง ถูกด้านก็จะทำให้ได้รับประโยชน์จากความต่างศักดิ์นี่เอง

การหันด้าน Pad ที่มีมุมเอียงน้อยกว่า 45 องศาโดยจัดให้มุมที่ต่ำกว่าอยู่ภายในบ้านนกนั้นจะได้ประโยชน์ในแง่ที่ว่าการไหลของน้ำจะไหลช้ากว่ามุม 45+45 ทำให้ Cellulose ดูดซับน้ำได้มากกว่า จึงสร้างความชื้นได้เต็มที่ และการไหลของอากาศก็จะไหลผ่าน Pad สั้นกว่าเร็วกว่า สร้างไอเย็นและความชื้นได้ง่ายกว่า เมื่อรวมทั้ง 2 อย่างนี้เข้าด้วยกันนั้นหมายถึงว่าเราจะได้อากาศที่เย็นและเร็วขึ้นด้วยความต่างศักดิ์ที่น้อยกว่า ตัวอย่างเช่นลมธรรมดาๆไม่ต้องแรงมากก็ทำให้อากาศไหลผ่าน Pad ไปได้สะดวกๆ หรือกล่าวอีกทีก็คือว่าใช้ความต่างศักดิ์ของอากาศไม่ต้องมากเท่าไหร่ก็ทำให้เกิดการไหลได้ ดังนั้นจึงเหมาะสมกับสถานที่เปิดโล่ง อาคาร,บ้านนกที่เป็นระบบเปิดหรือใส่ช่องระบายอากาศมากเกินไป ระบบนี้ก็ยังสามารถลดอุณหภูมิสร้างความชื้นได้เกือบเต็มประสิทธิภาพ

อีกประการหนึ่งก็คือ ตัวพัดลมดูดอากาศที่ใช้กันตามบ้านนกทั่วไปนั้นเป็นพัดลมตัวเล็ก ซึ่งไม่ได้ออกแบบให้สร้างความต่างศักดิ์ของอากาศมากๆอย่างโรงเรือนไก่ที่ใช้พัดลมยักษ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ดูดอากาศได้ครั้งละมากๆ พร้อมทั้งยังสามารถสร้างความต่างศักดิ์ของอากาศได้สูง ดังนั้นประสิทธิภาพของพัดลมดูดอากาศในบ้านนกโดยทั่วไปจะต่ำกว่า สร้างการไหลเวียนอากาศน้อยกว่า ดังนั้นการหันมุมเอียงของ Pad ให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ Cooling Pad ที่ใช้พัดลมดูดอากาศทั่วๆไปทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสอดคล้องกับข้อเท็จจริงภายในบ้านนกของเราๆท่านครับ

Clip ที่เห็นนี้เป็น Clip ที่ผมได้เข้าไปศึกษาหาข้อมูลจากบริษัทที่นำเข้า Cooling Pad แห่งหนึ่ง เมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมานำเสนอใน Blog ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน  ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์การติดตั้ง Cooling Pad ซึ่งเป็นพื้นฐานประกอบการใช้งาน  (เป็น Clip เก่าที่ผมทำการบ้านเรื่องนี้ไว้นานแล้วนะครับ)

การดูรางน้ำบน-ล่างและตัวขยายความยาวรางของ Pad
ส่วนที่เลื่อนไปมาได้นั้นเป็นที่รองท่อน้ำ แต่ผมพูดว่าใช้รองรับ Pad เพื่อป้องการ Pad ตกลงมาต้องขอให้ทำความเข้าใจว่าเป็นตัวที่ใช้รองรับเพื่อวางท่อน้ำทั้งท่อน้ำเข้า และท่อน้ำออก




หากาพไม่ปรากฎกรุณา Link ไปที่ http://www.youtube.com/watch?v=EpBwFRwr0oU


ฉากหิ้วรางบน-ล่าง ที่ใช้ยึดเจาะเข้ากับผนัง





หากาพไม่ปรากฎกรุณา Link ไปที่ http://www.youtube.com/watch?v=mPFrRVhzuuk

                                                                                                    Vuthmail-Thailand
                                                                                                            12.09.54

7/9/54

ลักษณะของ Cooling Pad ที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร

อย่างที่ได้กล่าวเรื่องราวของ Cooling Pad นั้นยังไม่มี Blog ไหนที่นำเสนอการเจาะลึกในเชิงวิชาการ หรือข้อมูลที่สำคัญๆ ซึ่งคนที่ต้องการใช้ระบบ Cooling Pad จำเป็นต้องรับรู้รับทราบและใช้เป็นแนวทางในการหา Cooling Pad ที่เหมาะสมตรงกับความต้องการที่จะใช้ 

เอาเป็นว่าผมจะเป็นคนแรกที่นำเรืองราวเหล่านี้มานำเสนอในทางวิชาการ ให้กับคนที่ติดตามอ่าน Blog ของผม

การเลือกซื้อ Coolling Pad มีข้อควรคำนึงถึงดังต่อไปนี้

   1.-ความหนาของ Pad ...โดยปกติทั่วไปแล้วจะมีความหนา 4 นิ้ว กับ 6 นิ้ว  การเลือกซื้อ Cooling Pad เพื่อการเน้นประสิทธิภาพในการลดอุณหภูมิจะต้องเลือก Pad ที่มีความหนากว่าหรือ Pad หนา 6 นิ้วเป็นเกณฑ์ เนื่องจาก ความหนา 6 นิ้ว เมื่อเทียบกับ Pad 4 นิ้ว จะมีความหนาเพิ่มขึ้น 2 นิ้วหรือเท่ากับ 50% ( ความหนาที่เพิ่มขึ้นอีก 2 นิ้ว จะเท่ากับ 50% ของ Pad หนา 4 นิ้ว)  การดูดซับน้ำก็จะมากขึ้นกว่าเดิมอีก 50% , พื้นที่หน้าสัมผัสของอากาศกับความชื้นก็จะมากขึ้นอีก 50% ; ระยะทางที่อากาศต้องไหลผ่านมากขึ้นอีก 50%   ดังนั้นเมื่ออากาศไหลผ่าน Pad ก็จะใช้เวลามากขึ้น ความร้อนก็จะถูกถ่ายเทออกไปได้มาก อุณหภูมิก็จะลดลงได้ค่อนข้างมากและความชื้นก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

หากว่าเราจะเปรียเทียประสิทธิภาพของการลดอุณหภูมิกับความชื้นที่ได้รับ  ประสิทธิภาพของการลดอุณหภูมิของ Pad หนา 6 นิ้วจะทำได้ดีกว่า Pad หนา 4 นิ้ว แต่หากเปรียบเทียบกันในแง่ของความชื้นแล้ว Pad ความหนา 6 นิ้ว กับ Pad หนา 4 นิ้ว ความชื้นที่เพิ่มขึ้นมาจะเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย แตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่  ดังนั้นหากว่าต้องการเน้นประสิทธิภาพการลดอุณหภูมิต้องเลือก Pad หนาๆไว้ก่อนครับ ซึ่งในปัจจุบันนี้ Pad มีความหนามากขึ้น 8 นิ้ว ทำให้ประสิทธิภาพการลดอุณหภูมิยิ่งมากขึ้น แต่ราคาก็เดินเป็นเงาตามตัวไปด้วยเช่นกัน

 
   2.-เลือกที่ความหนาแน่น Pad ซึ่งจะใช้การเปรียบเทียบเป็นน้ำหนัก เช่น 2.2 กิโล 2 กิโล 1.8 กิโล
        เนื่องจาก Pad เป็นสิ่งที่ผลิตจาก Cellulose ซึ่งจะต้องสามารถดูดซับน้ำได้ดี ดังนั้นยิ่ง Pad มีความหนาแน่นมาก ก็จะทำให้มีการดูดซับน้ำได้มาก สร้างความชื้นใน Pad ได้มาก ซึ่งความชื้นภายใน Pad ที่มีมากขึ้นกว่าเดิมนี้ ก็จะมีผลทำให้จะได้รับประสิทธิผลของการลดอุณหภูมิที่มากกว่า มีผลทำให้สามารถสร้างสภาพภายในบ้านนกที่ "เย็นกว่า" การเลือกใช้ Pad ที่มีความหนาแน่นน้อย

        ในกรณีที่จะใช้ Cooling Pad ท่านผู้ซื้อจะต้องทำการตรวจสอบด้วยตัวเองว่า Pad ที่ต้องการจะซื้อนั้นเป็น Pad ที่ว่าน้ำหนักเท่าไหร่  อย่าเพิ่งเน้นเรื่องราคามากจนเกินไป  เดี๋ยวจะโดน........  การตกลงซื้อขายจะต้องระบุให้ชัดเจนว่าต้องการ Pad แบบน้ำหนัก 2.2 กิโล , 2 กิโลหรือ 1.8 กิโล หากว่าไม่ระบุให้ชัดเจนท่านอาจจะได้ Pad ที่มีน้ำหนัก 1.8 กิโลมาแทน ซึ่งเราๆท่านๆอาจจะไม่มีความรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน คิดว่า Cooling Pad ก็คือ Cooling Pad มีแบบเดียว ไม่ได้สนใจเรื่องของความหนา น้ำหนัก ความหนาแน่น ตกลงใจที่จะซื้อโดยที่คิดว่าเหมือนกันหมด  ซึ่งที่จริงแล้วเป็นอย่างที่ผมได้กล่าวมาให้ฟังแล้วนะครับ คือจะต้องคำนึงถึงความหนา น้ำหนัก(ความหนาแน่น) ซึ่งทำให้ราคามีความแตกต่างตามไปด้วย ดังนั้นก่อนที่จะซื้อ Cooling Pad จะต้องระบุให้ชัดเจนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อป้องกันปัญหาไว้ก่อน

         ส่วน Pad ที่มีความหนาแน่นน้อย 1.8 กิโล จะมีราคาถูกกว่า เพราะใช้วัสดุน้อยกว่านั้นเอง ส่วนประสิทธิภาพในการลดอุณหภูมิก็ด้อยลงไปตามส่วน ซึ่ง Pad ที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 1.8 กิโล ผมแนะนำให้เลือกใช้ในกรณีที่น้ำซึ่งไหลผ่าน Pad เป็นน้ำที่มีคุณาพต่ำ เป็นตะกรัน มีเศษฝุ่นผงมาก น้ำบาดาล ซึ่งน้ำในลักษณะเช่นนี้จะทำให้ Pad เกิดการอุดตันเร็ว ประสิทธิภาพการลดอุณหภูมิเสื่อมลงอย่างรวดเร็วตามระยะเวลาและปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน Pad  การเลือกใช้ Pad ที่น้ำหนักน้อยจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการใช้ Pad น้ำหนักมาก มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า




        






















   3.-การเลือกมุมเอียงของ Pad  เนื่องจาก Pad จะมี 2 ลักษณะคือ
         3.1.- มุมเอียง 45 องศา + 45 องศา เท่ากัน
         3.2 - มุมเอียงน้อยกว่า 45 องศา + 45 องศา
หลายๆท่านอาจจะไม่เคยทราบ-ไม่เคยสังเกตุ มากก่อนว่า Pad มุมเอียงแตกต่างกัน มุมที่ว่านี้หมายถึง มุมเอียงที่ให้ไหลอากาศเข้า และ มุมเอียงที่ให้อากาศไหลออก ดังนั้นมุมเอียงจึงมี 2 มุม

    - มุมเอียง 45 องศา + 45 องศา จะเป็น Pad ที่มีมุมเอียงให้อากาศไหลเข้ากับมุมเอียงให้อากาศไหลออกเท่ากันคือเอียง 45 องศา ซึ่ง Pad ที่มีมุมเอียงเข้ากับออกเท่ากันนั้นจะสามารถผลิตได้ง่ายกว่า เพราะว่าใช้ Pad เพียง Pattern เดียว ทำได้ง่าย ขบวนการผลิตไม่ยุ่งยาก เสียเศษน้อย จึงทำให้ต้นทุนการผลิตถูกกว่า (ผลิตได้เร็วกว่าในเวลาที่เท่ากัน) แต่ว่าประสิทธิภาพในการลดอุณหภูมิด้อยกว่าการเลือกใช้มุมเอียงที่น้อยกว่า 45 องศา +  45 องศา

    - มุมเอียงมุมเอียงที่น้อย 45 องศา กับมุมเอียง 45 องศา ผมกล้าที่จะกล่าวได้ว่า มีหลายๆคนที่ใช้ Cooling Pad อาจจะไม่ทราบว่ามุมเอียงที่น้อยกว่า 45 องศา กับมุมเอียง 45 องศาต่างกันอย่างไร และจะเลือกมุมไหนให้เป็นด้านนอก (ให้อากาศไหลผ่านเข้ามา) และมุมเอียงไหนเป็นมุมเอียงให้อากาศไหลออกไปสู่ในบ้าน  หลายท่านหลายคนคงจะเริ่มมีอาการงงกันบ้างแล้วซิครับ แต่ใจเย็นๆนะครับ ผมจะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด

      การเลือกมุมเอียงใดให้เป็นทางให้อากาศไหลเข้ามา กับมุมเอียงใดเป็นมุมเอียงให้อากาศไหลออกสู่ตัวบ้าน  การเลือกมุมเอียงที่ไม่ถูกต้องจะมีผลที่ทำให้เกิดความต่างศักดิ์ของแรงกดอากาศระหว่างภายในบ้านนกกับภายนอก ความกดอากาศที่เกิดจากการหันมุมเอียงผิดด้านย่อมส่งผลต่อการทำงานของพัดลมดูดอากาศแตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของพัดลมดูดอากาศด้อยลงไป ทำงานได้ไม่เต็มที่ รวมทั้งส่งผลต่อการไหลเวียนของอากาศภายในบ้านนก และอากาศที่ไหลผ่าน Pad  เป็นขั้นเป็นตอนตามลำดับที่ได้กล่าวไว้แล้ว  ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ลึก ต้องใช้เวลาในการอธิบายกันอีกมาก เอาไว้ติดตามอ่านกันต่อนะครับ เนื่องจากผมใช้เวลาในการเขียนบทความนี้ค่อนข้างมาก และยังมีงานที่ต้องสะสางค้างอยู่ ซึ่งจำเป็นใช้เวลาในการสะสางงานที่คั่งค้างมากพอสมควร ผมจึงขออนุญาติพักไว้เพียงเท่านี้ก่อน  บทความดีๆ ต้องใช้สมาธิในการเขียนและเรียบเรียงกันมากพอสมควร

      โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ  ( 555 เหมือนหนัง Series ที่ชอบจบตอนสำคัญๆอยู่เรื่อย)

                                                                                                        สวัสดีครับ
                                                                                                 Vuthmail-Thailand
                                                                                                           07.09.54



3/9/54

Blog ใหม่สำหรับ VM80 Hygrostat อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น

เนื่องจากผมได้เขียนบทความการใช้งานในหลายๆมุม หลายๆด้านของ Hygrostat รุ่น VM80 ไว้ใน Blog เกี่ยวกับบ้านนกแอ่นกินรังไว้มาก หลายบทความและกระจัดกระจายอยู่หลายแห่งหลายที่ จึงทำให้ยากต่อการติดตามหาข้อมูลได้ลำบาก จึงอาจจะทำให้มีความเข้าใจไม่ตลอดเนื่องตลอดสาย ผมจึงคิดที่จะทำการรวบรวมบทความของ ไฮโกรสตัค (Hygrostat) VM80 ให้อยู่ในที่เดียวกัน ผมจึงได้ทำการแยก Blog ของ VM80 ออกมาไว้ต่างหาก เพื่อสะดวกในการติดตามอ่าน และให้ต้องตามค้นหาว่ามีบทความเก่าเกี่ยวกับ VM80 ที่ไหนบ้าง เพราะมีคนโทรมาสอบถามผมหลายคน ซึ่งทำให้ผู้อ่านเกิดความไม่สะดวก

จากวันที่เริ่มคิด ถึงวันนี้ประมาณ 1 เดือน 2 วัน จึงมีโอกาสมีกำลังในการรวบบทความเก่าเหล่านั้นออกมาจัดทำเป็น Blog ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของ Hygrostat เครื่องควบคุมอุณหภูมิ-ความชื้น VM80 โดยเฉพาะให้เพื่อนได้ติดตามอ่านกันตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน เพื่อความเข้าที่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ในหลายๆมิติในหลายๆมุม และหลากหลายวิธีการใช้งาน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดที่ท่านผู้อ่านจะได้รับประโยชน์จากการใช้งาน VM80 เครื่องควบคุมอุณหภูมิ-ความชื้น ตัวเล็กแต่ประสิทธิภาพการทำงานรุ่นใหญ๋

สามารถติดตามอ่านได้ที่    http://vm80-hygrostat.blogspot.com/


                                                                                  Vuthmail - Thailand
                                                                                          02.09.54
        

29/8/54

คู่มือการใช้ Cooling Pad และคู่มือการใช้ VM80 ล่าสุด

ผมได้นำเอาคู่มือการติดตั้ง Cooling Pad ที่ใช้ในการลดอุณหภูมิภายในบ้านนกมาให้ Download เพื่อใช้เป็นแนวทางในการติดตั้ง Cooling Pad ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสำหรับคนที่คิดว่าต้องการหาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ Colling Pad และภาพโดยรวมของระบบนี้

ท่านสามารถไป Download ได้เองที่ Link นี้เลยครับ
http://www.4shared.com/document/5v8vLKZ9/_2_online.html




ซึ่งในอนาคต ผมจะเริ่มแกะรอยการใช้ Cooling Pad มานำเสนอในเชิงลึก ซึ่งเจาะเข้าไปในรายละเอียดหลายๆด้านที่หลายคนหลายท่านอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน และไม่ค่อยมีการนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้กันสักเท่าไหร่ ซึ่งการเจาะลึกในครั้งนี้ผมคาดว่าจะเป็นประโยชน์มากสามารถที่จะนำไปใช้เป็นข้อมูลในการอ้างอิง และสามารถใช้เป็นแนวทางในการที่จะเลือกซื้อ Cooling Pad ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับบ้านนกสำหรับท่านที่ต้องการใช้ระบบนี้

แหล่งที่มาของข้อมูลนี้ ต้องขอขอบพระคุณ คุณเป้า จันทรบุรีที่ได้ส่งข้อมูลเบื้องต้นมาให้กับผม แต่ว่าผมเพิ่งจะเริ่มมีกำลังวังชาที่จะทำการเจาะลึกหาข้อมูลมาให้กับท่านที่ติดตามอ่าน Blog ของผม หากว่าท่านใดมีข้อมูลดีๆที่จะช่วยเสริม ก็ส่งเข้ามาหาผมได้ครับ ที่ Vuthmail@gmail.com












ส่วน Link นี้จะเป็น Link ที่ให้ไป Download  คู่มือการใช้ ตั้งค่าพารามิเตอร์ของ VM80 รุ่นปัจจุบันที่มีโปรแกรมการหน่วงเวลาที่ใช้สั่งการทำงานของช่องสั่งการ AL1 AL2 ให้เริ่มทำงานหลังจากถึงเงื่อนไขของอุณหภูมิ-ความชื้นได้ตั้งค่าพารามิเตอร์เอากำหนดไว้

คู่มือการใช้งาน VM80 รุ่นล่าสุดที่มีระบบการหน่วงเวลาการทำงาน  สามารถ Download ได้ที่
http://www.4shared.com/photo/ACJJt2Lz/SET__VM-80__AL2-__rL_tH_.html

หรือสามารถดูการใช้งานจากรูปด้านล่างนี้ได้เช่นเดียวกัน






1/8/54

รูปการติดตั้ง VM80 กับหลายๆชั้น

ผมป่วยเป็นไข้หวัดไม่สบายอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ไม่ค่อยได้เข้ามาดูเท่าไหร่  รู้สึกว่าไม่อยากจะทำอะไรเลย เหนื่อยๆ เพลียๆ วันนี้ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังไม่หายสนิท มีอาการปวด มึนศรีษะอยู่บ้างพอประมาณ เหมื่อยตามตัว รู้สึกไม่อยากจะทำอะไรเท่าไหร่

วันนี้เข้ามาเห็นเรื่องของ VM80 ที่สอบถามมา เอาเป็นว่าผมนำรูปที่ผมเคยส่งให้คุณวิกรมมาลงใน Blog ให้ดูก็แล้วกัน สำหรับคนที่ต้องการใช้ VM80 1 ตัว เพื่อการควบคุมหลายๆชั้น ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างไร ทำได้เช่นกัน แต่ใจจริงแล้วอยากให้ใช้แยกชั้นไปเลยดีกว่า เพื่อประสิทธิที่สูงสุด และให้ความถูกต้องตรงตามความเป็นจริงในการควบคุมทั้งอุณหภูมิ ความชื้นของแต่ละชั้นจะแตกต่างกันอยู่บ้าง ไม่เหมือนกัน




ซึ่งการใช้แยกชั้น หรือ รวมอยู่ในแต่ละชั้น หลักการสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องนำเอาสายไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้ามาเสียบที่ข้างกล่องของ VM80 เมื่อช่องสั่งการ AL1 หรือ AL2 ทำงาน ก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าไปที่ปล๊ก ด้านข้างกล่อง  และไฟฟ้าก็จะวิ่งไปตามสายไฟที่นำมาเสียบไว้ที่ข้างกล่อง

หากว่านำสายจากชั้น 4-5 มาเสียบที่ปลั๊กข้างกล่อง อุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ที่ขั้น 4-5 ก็จะได้รับไฟฟ้า และทำงาน จากรูปหากว่าเรานำเอาอุปกรณ์จากชั้น 3 4 5 มาเสียบที่ปลั๊กข้างกล่อง Blade ที่อยู่ในชั้น 3 4 5 ก็จะทำงานพร้อมๆกัน คิดว่าคงได้เป็นแนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้นะครับ


                                                                                          Vuthmail - Thailand
                                                                                                   01.08.54

11/7/54

Collection 5 ที่สุดของเสียงนกแอ่น โดย Vuthmail




หากว่าภาพไม่ชึ้น กรุณา Link ไปที่ - http://www.youtube.com/watch?v=A3DlPlIHK44

ภาพการตื่นตัวของนกแอ่นต่อเสียง Collection 5 โดยพยายามหาที่เกาะบนผนังทั้งๆที่ไม่มีลำโพง ตามกรอบสี่เหลี่ยมสีขาว ที่ขึ้นอยู่ใน Clip VDO






หากว่าภาพไม่ชึ้น กรุณา Link ไปที่ - http://www.youtube.com/watch?v=0FGbesKJ5HU



ภาพการตอบสนองต่อเสียง Collection 5 ภายในห้องบินวน

5/7/54

Upgrade เสียง Collection4

สำหรับเพื่อนๆที่เป็นแฟนคลับของผม ซึ่งได้ลงทุนอุดหนุนเสียง Collection4 ชุดใหญ่ความยาว 2.30 ชั่วโมงไปแล้ว กรุณาฟังตรงนี้ครับ

วันนี้ผมมีข่าวดีมาบอกครับ ผมได้ Upgrade เสียง Collection4 ชุดใหญ่โดยการเพิ่มเติมเสียงใหม่เข้าไปอีกหลายเสียง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเสียงเกรด A ที่เรียกนกได้มาก พร้อมทั้งได้การตัดแต่งและ Remaster เสียงใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประกอบด้วยเสียงใหม่และเสียงเดิมใน Collection4 บางส่วน  ดังนั้นผมจึงตั้งชื่อเสียงชุดนี้ว่า Collection4 Final เพราะว่าผมขอจบการปรับปรุง-ยุติการเพิ่มเติมเสียงใน Collection4 ไว้แต่เพียงเท่านี้ เนื่องจากเสียงชุด Final นี้มีความสมบรูณ์แบบเต็มที่แล้ว ผมจึงไม่ขอทำการปรับปรุงใดๆกับเสียงชุดนี้ ผมจึงได้เรียกเสียงชุดนี้ว่าชุด "Collect4-Final " ดังนั้นผมจึงอยากให้เพื่อนๆที่ได้ซื้อเสียง Collection4 ชุดก่อนหน้านี้ไปทุกท่านได้มีโอกาสใช้เสียงชุด Final นี้ได้ทันในช่วงฤดูฝนที่กำลังมาถึงในปี 2554 นี้

ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ ผมเองได้เริ่มทะยอยจัดส่งเสียง Collection4 Final ไปให้กับเพื่อนๆที่ได้อุดหนุนเกือบครบทุกคนแล้ว แต่ผมคิดว่าตัวเองต้องมีการหลงลืม ชื่อบางคนบางท่านไปแน่ๆ จึงได้ออกบทความนี้เพื่อให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ผมได้หลงลืมบางคนบางท่าน ได้มีโอกาสที่จะใช้เสียงใหม่ไปใช้ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาสที่จะเรียกนกได้เพิ่มสำหรับหน้าฝนปี 2554 นี้ ดังนั้นเพื่อนๆที่รู้ตัวว่าได้เคยอุดหนุนเสียง Collection4 ชุดก่อนไป กรุณารีบแจ้ง ชื่อที่อยู่ กลับมาให้ผมด้วย ผมจะได้รีบดำเนินการจัดส่งเสียงชุด Final ไปให้

    ที่สำคัญก็คือ Free ไม่มีความใช้จ่ายแต่อย่างไร    

หมายเหตุ ผมขอความกรุณาที่จะ Upgrade เสียงชุด Final นี้ให้กับเพื่อนๆที่เป็นตัวจริง เสียงจริง ซึ่งได้อุดหนุนเสียง Collection4 เท่านั้นนะครับ ห้ามแอบอ้าง ถึงแม้ว่าจะมีการแอบอ้าง แต่ผมคงไม่หลงลืมไปแบบถาวร เพราะว่ายังพอจำได้คร่าวๆ แบบว่าคับคล้าย คับคลา อยู่บ้างไม่ได้หลงลืมแบบถาวรแต่อย่างใด


                                                                                    ด้วยความปราถนาดี
                                                                                      Vuthmail-Thailand
                                                                                             05.07.54

22/6/54

ทดสอบ VM80 ต่อขยายความยาว Sensor ยาว 200 เมตร

ตามที่ได้สัญญาไว้นะครับ ว่าจะทำการทดสอบการต่อขยายความยาวสาย Sensor ของ VM80-HT โดยการใช้สาย LAN ยาว 200 เมตรซึ่งเป็นเรื่องน่าหนักใจสำหรับเครื่อง Hygrometer ที่วัดความชื้นหลายต่อหลายรุ่นของหลายยี่ห้อ -- วันนี้ฤกษ์งามที่ดี -- คุณธรรมพร ตราด สั่ง VM80 ที่ต้องใช้ความยาวสายถึง 80 เมตร ซึ่งเป็นสายที่ยาวมากไม่ใช่น้อย ซึ่งหลายๆท่านที่จำเป็นต้องใช้สาย Sensor ยาวมากๆจะเป็นกังวลเรื่องของความถูกต้อง ค่าความเพี้ยน อย่างแน่นอน ซึ่งโดยส่วนตัวผมเองแล้วไม่เป็นกังวลในเรื่องเหล่านี้เลย เพราะว่าได้ต่อความยาวระดับ 30 เมตรได้โดยแทบจะไม่ต้อง Calibrate ค่าที่วัดได้ หรือต้อง Calibrater ก็ทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นที่ระดับความยาวที่ 80 เมตรจึงไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน ผมจึงจะไม่รู้สึกเป็นกังวลแต่อย่างใดเลย

แต่เนื่องจากว่าเคยรับปากว่าจะทำการทดสอบการต่อขยายที่ระดับ 200 เมตร ซึ่งหากว่าเป็นเครื่องรุ่นอื่นๆ ยี่ห้ออื่นๆนั้นเท่าที่ผมได้ทราบมาจะทำได้แค่เพียง 100 เมตรเท่านั้น แต่ในส่วนตัวผมจะทำการทดสอบ VM80 ที่ความยาวมากถึง 200 เมตรเลย เพื่อเกิดความ Sure จึงทดสอบกันอย่างหนักหน่วง ใช้สายยาวกว่ายี่ห้ออื่นเป็นเท่าตัวเลย เพื่อดูผลจะออกมาเป็นอย่างไร ค่าอุณหภูมิและความชื้นที่วัดได้จะเป็นอย่างไรบ้าง หรือจะมีข้อจำกัดอะไรอย่างไรหรือไม่ เรามาดู Clip ที่ถ่ายไว้กันดีกว่านะครับว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง




หากว่าภาพไม่ขึ้น กรุณา Link ไปที่ http://www.youtube.com/watch?v=Un3HEC-TXkk

จากการทดสอบจริง ค่าที่อ่านได้มีความถูกต้องทั้ง อุณหภูมิและความชื้น โดยเฉพาะค่าความชื้น Calibrate ค่าไม่ถึง 4 Rh% เท่านั้นครับ (จากการทดสอบ Calibrate ค่าเพีย 3.8 Rh% แต่ให้ไว้กว้างขึ้นอีกเล็กน้อยเป็นที่ 4 Rh% ซึ่ง Hygrostat รุ่น VM80 นี้สามารถรองรับการ Calibrate ความชื้นได้มากถึง 50 Rh% ซึ่งหากคำนวนย้อนกลับเพื่อจะหาความยาวสูงสุดของสาย LAN ที่จะต้อง calibrate ค่าแบบเต็มความสามารถคือ 50 Rh% ก็คำนวณได้ว่าสามารถใช้สาย LAN ได้ยาวถึง 2,500 เมตรเลย สูตร ((200/4)*50) ดังนั้นเมื่อเทียบค่าความชื้นที่ Calibrate กับความยาวถึง 2,500 เมตรแล้วถือเป็นสัดส่วนที่ต่ำมากๆๆ-เมื่อเทียบกับความยาวขนาดนี้ ซึ่งเป็นที่รู้วกันว่าในวงการบ้านนกนั้นจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความชื้นมากพอสมควรเนื่องจาก ความชื้นจะทำให้รังไม่หลุดล่วง ไม่แตกหักง่าย ช่วยให้การเก็บรังทำได้สะดวก ดังนั้น Hygrostat ที่ดีจะต้องวัดค่าความชื้นได้อย่างถูกต้อง และเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก

ดังนั้นสำหรับเพื่อนๆที่จำเป็นต้องใช้ Hygrostat ที่ต้องใช้ความยาวสายมากๆ จึงไม่ควรมองข้ามเรื่องความเพี้ยนของทั้งอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ทดสอบตามที่ได้สัญญาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นที่เบาใจ สบายใจได้กับผลรับที่ได้ สำหรับคนที่ต้องใช้สาย LAN ยาวมาก เมื่อทดสอบที่ความยาว 200 เมตร ความชื้นยังสามารถให้ค่าถูกต้องมากขนาดนี้ หากว่าใช้ความยาวสาย LAN สั้นๆเพียง 15-20 เมตร ค่าความถูกต้องจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงกันเลย ส่วนค่าของอุณหภูมิ ก็ต้อง Calibrate เช่นกันครับ แต่ค่าที่วัดได้ก็ยังถูกต้องเชื่อถือได้ ตามที่เราได้เห็นกันใน Clip แล้วนะครับ

อีกประการหนึ่ง VM80 ตัวนี้จะแสดงข้อมูล อุณหภูมิ ความชื้น ที่จอ LED แบบ Realtime เลยนะครับ (ประมาณ 8 ครั้งต่อ 1 วินาที ใช่ครับอ่านไม่ผิด 8 ครั้งต่อวินาที) ไม่เหมือนกับบางรุ่นที่ดูว่าค่าอุณหภูมิ ความชื้น ที่วัดได้นั้น นิ่งดี แต่ที่จริงแล้ว เป็นเพราะโปรแกรมการสั่งการให้ไปอ่านค่าที่หัว Probe ตามเวลาที่ตั้งไว้ เช่นกำหนดเวลาไว้ 1นาที หรือ3 นาทีจึงให้ไปอ่านค่าเสียครั้งหนึ่ง ค่าที่ปรากฎบนหน้าจอจึงทำให้ดูเสมือนว่าค่าที่วัดได้นั้นดูนิ่ง ดูเสถียรดี แต่ในข้อเท็จจริงๆแล้วเป็นอย่างที่ผมได้กล่าวไว้แล้วในเบื่องต้น อีกประเด็นหนึ่งก็คือว่าหัว sensor มีการตอบสนองต่ออุณหภูมิ ความชื้นช้าเป็นเต่า ก็จะทำให้ดูเหมือนว่าอุณหภูมิความชื้นที่วัดได้นั้นนิ่งดี ท่านจะคิดอย่างไรกับ Hygrostat ทั้ง 2 กรณีที่ได้กล่าวมาแล้ว ค่าความเสถียรที่เห็นบนหน้าจอ อาจจะไม่ใช่อย่างที่ท่านเคยคิดไว้ ทดลองตรวจสอบกันให้ดีว่าค่าอุณหภูมิความชื้น ที่ว่านิ่งๆนั้นเป็นเพราะอะไรด้วยก่อนที่จะเลือก Hygrostat ดีๆมาใช้สักตัวนะครับ

Vuthmail-Thailand
22.06.54

20/6/54

Power of My Collection - Swiftlet Sound

ผมได้เตรียมตัวตัดแต่งเสียงเพื่อใช้เปิดเรียกนก สำหรับฤดูกาลใหม่ปี 2554 ด้วยเสียง Collection 5 ซึ่งได้ตัดแต่งและทดสอบมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งได้ผลค่อนข้างดี-การตอบสนองต่อเสียงของนกแอ่นเป็นไปด้วยดี โดยส่วนตัวมองว่าเป็นชุดเสียงที่ทรงพลังมากชุดหนึ่ง สังเกตุจากการที่นกมีความตื่นตัวเมื่อเปิดเสียง มีการรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและบินเข้าบินออกอย่างสนุกสนาน แม้กระทั่งตอนที่ผมถ่าย Clip นี้มาให้ดู นกแอ่นส่วนใหญ่บินอย่างไม่สนใจตัวผม เสมือนผมไม่ได้อยู่ที่บริเวณที่ถ่าย Clip แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีนกแอ่นจำนวนหนึ่งที่บินห่างออกไปหลบมุมกล้องอาจจะเพราะตื่นคน แต่ส่วนใหญ่พุ่งความสนใจมาที่เสียงที่เปิดอยู่มากกว่า ดังที่ได้เห็น ตามที่ปรากฎอยู่ใน Clip

แต่ในปริมาณนกที่บินอยู่ในมุมกล้องซึ่งถ่ายมาเป็น Clip ให้ท่านได้ชมอยู่นี้ก็เป็นส่วนที่เห็นแล้วก็เรียกได้ว่ามากอย่างน่าพอใจ และสังเกตุจากปฏิกริยานกแล้วจะเห็นได้ว่า นกตื่นตัวและให้ความสนใจกับเสียงเป็นอย่างมาก บินเล่นกันอย่างสนุกสนาน แย่งที่กันเข้าไปเกาะที่ลำโพง บางตัวเกาะลำโพงไม่ได้ก็บินเข้าไปในบ้าน เพื่อหาโอกาสที่จะเกาะ หรือบินเข้าไปในบ้านเพื่อเสำรวจบ้านใหม่เสียเลย

จาก Clip ที่เห็นอยู่ด้านตึกนั้นเป็นนกเพียงจำนวนหนึ่งที่บินอยู่ ซึ่งไม่รวมกับนกอีกบางส่วนที่บินเข้าไปสำรวจภายในบ้านอีกจำนวนหนึ่งตามที่ผมได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งผมนั้นได้ถ่าย Clip ไว้ทั้งด้านหน้าตึก และภายในตัวตึกให้ชมกันอย่างละ 2 Clip

ภาพที่ถ่ายจากด้านหน้าตึก

หากว่าภาพไม่ขึ้น กรุณาเข้าไป Clip ได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=O3jSyaTkIPQ&feature=related




หากว่าภาพไม่ขึ้น กรุณาเข้าไป Clip ได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=O3jSyaTkIPQ




Clip ภายในตัวอาคาร อาจจะมืดหน่อยนะครับ แต่พอดูออกว่าเป็นนกที่บินเข้ามาสำรวจ


หากว่าภาพไม่ขึ้น กรุณาเข้าไป Clip ได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=XLoTvuGd3QM




หากว่าภาพไม่ขึ้น กรุณาเข้าไป Clip ได้ที่ http://youtu.be/x6j-jVW17a0



Clip ที่ถ่ายไว้ค่อนข้างสั้นไปหน่อยไม่สะใจผมเลย อยากให้ดูนานๆอย่างต่อเนื่อง ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่า Batt ไม่ดีครับถ่ายภาพได้ไม่นานก็ดับ (หากว่าใครมี Batt ดีๆ Batt แท้ที่ใช้ได้นานๆ ของ Panasonic DMC-FX-7 กรุณาแจ้งผมด้วยนะครับ พักหลังมานี้ที่ไม่คุยได้ดู Clip ก็เพราะเรื่อง Batt นี้และครับ หากว่าใครพอทราบแหล่งจะที่ไปซื้อ Batt แท้ให้ได้กรุณาแจ้งให้ทราบด้วยครับ เพราะว่าจะเอาใช้ถ่าย Clip ให้สะใจไปเลย

This is Power of My Collection
Vuthmail-Thailand
20.06.54

15/6/54

เสียงนกที่ดีเป็นอย่างไร

ผมจะแสดงเสียงที่เป็นต้นฉบับเดิมที่ได้มาจากต่างประเทศ กับ เสียงที่ผมได้ทำ Remaster เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งหลายๆคนไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงจะต้องมีการทำ Remaster ด้วย  สาเหตุ เพราะว่าเสียงต้นฉบับเกือบทุกเสียงจะมีปัญหาหลายอย่างปนกันครับ อย่างเช่นมีเสียงกวนมาก เสียงต้นฉบับมีการทำสำเนากันหลายๆครั้ง จนทำให้เสียงเกิดการเหลื่อม เกิดตกร่อง เกิดเสียง Crack หรือแม้แต่ว่าเสียงที่มุ่งเน้นเรื่องของความดังจนคุณภาพเสียงเสียหายหมด และปัญหาอีกหลายๆที่คนไม่มีความรู้เรื่องเสียงนกเพียงพอที่จะเข้าใจได้

รู้ว่าเสียงซื้อนี้ดังที่ต่างประเทศ เมื่อซื้อมาอย่างไรก็เปิดใช้เลย ซึ่งก็ไม่ผิดครับ แต่ลองดูฟังการเปรียบเทียบของเสียงเดิมๆใน CD กับ เสียงที่ผมได้ทำ Remaster ว่าแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร และผลของการเรียกนกจากเสียงเดิมกับเสียง Remaster จะต่างกันหรือไม่อย่างไร ผมอยากให้เพื่อนๆทดลองดูเองครับ

ล่าสุดผมได้ข่าวจากคนที่ลองนำเสียงของผมไปเปิดเรียก ตามคำบอกเล่าของผู้ที่ได้ใช้เสียง Remaster ของผม ท่านยืนยันว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เสียงที่ Remaster จะเรียกนกได้เร็วกว่า แล้วเรียกนกได้มากกว่า อย่างนั้นเราของมาฟังกันดูว่าเสียงมันต่างกันอย่างไร

เริ่มต้นด้วยเสียงที่โด่งดังใน Malaysia ทั่ว 7 ย่านน้ำ แถมยังข้ามมาที่ประเทศไทยของเราอีกด้วย

 Autorizer   
-  เสียงต้นฉบับ         หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/03UP0TGt/09_Autorizer_Original_45_Sec.html

 -  เสียง Remaster       หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/s4SWvDYl/10_Autorizer_Remaster_45_Sec.html


 SUPER AAA
-  เสียงต้นฉบับ         หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/ctmKP_WW/07_SUPER_AAA_Original_45_Sec.html

-  เสียง Remaster        หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/YGf_9T3v/08_SUPER_AAA_Remaster_45_Sec.html




 Tongkat Ali
-  เสียงต้นฉบับ       หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/ymnvmLRj/13_Tongkat_Ali_Original_45_Sec.html

 -  เสียง Remaster      หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/2tpmTv5r/14_Tongkat_Ali_Remaster_45_Sec.html


 Chilipadi
-  เสียงต้นฉบับ       หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/B1BaezMh/11_Chilipadi_Original_45_Sec.html


 -  เสียง Remaster      หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่

http://www.4shared.com/audio/nY8ltrzl/12_Chilipadi_Remaster_45_Sec.html
 

 

 Marvelous Cloud
  -  เสียงต้นฉบับ         หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่ http://www.4shared.com/audio/Dq545k2K/01_Marvelous_Cloud_Origianl_45.html


  -  เสียง Remaster       หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/qZkKr_WQ/02_Marvelous_Cloud_Sample_45_S.html



Black Cloud 
 -  เสียงต้นฉบับ         หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/YnpsyCS8/03_Black_Cloud_Original_45_Sec.html


 -  เสียง Remaster       หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่ http://www.4shared.com/audio/NF2UmQJz/04_Black_Cloud_Remaster_45_Sec.html


เสียง KGOD

 -  เสียงต้นฉบับ         หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/2Kc5Lm2_/05_KGOD_Origianal_45_Sec.html

 -  เสียง Remaster          หากว่าภาพไม่ขึ้น Link ไปที่
http://www.4shared.com/audio/KGm0e_KN/06_Kgod_Remaster_45_Sec.html



แล้วเสียงที่เพื่อนๆ พี่น้องๆ มีอยู่-ใช้อยู่ นั้นเป็นเสียงแบบไหน เสียงเดิม หรือคิดว่าสมควรแก่เวลาที่จะลองเปลี่ยนมาใช้เสียงที่ Remaster แล้วหรือยัง  มีคนเริ่มให้ความสนใจเสียง Remaster กันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ อย่าให้คนอื่นๆแซงหน้าเราไปเพราะการยึดติดกับความคิดเดิมๆ นะครับ

เสียงที่ผมยกมาเป็นตัวอย่างนี้ หากว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ มีเสียงต้นฉบับเหล่านี้อยู่ก่อนแล้ว ลองฟังเสียงเปรียบเทียบ ผมให้อนญาติ Download ตัว Remaster ไปใช้ได้เลย แล้วก็ยินดี+เต็มใจให้ครับ 555.... ความยาวเสียงเพียงแค่ 45 วินาที และก็ไม่ต้องกลัวคนอื่นเค้าจะมาต่อว่าเอานะครับ เจ้าของเสียง Remaster ให้อนุญาติเองเลย เอาไปทดลองฟังให้เข้าใจ ฟังให้ขึ้นใจนะครับ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมจะต้องเป็นเสียงที่ได้ผ่านการทำ Remaster แล้วเท่านั้น

                                                                                                       Listen Carefully
                                                                                                    Vuthmail-Thailand
                                                                                                            15.06.54

การทำบุญเครื่องกระจายเสียง คุณแม่ ยุพา อร่ามกุล

วันที่ 15.06.54 ผมได้จัดส่งเงินเพื่อสมทบทุน ซื้อเครื่องกระจายเสียงให้คุณแม่ ยุพา อร่ามกุล เพิ่มเติมอีก 10,000 บาท ขอให้เพื่อนร่วมอนุโมทนาด้วยนะครับ บุญนี้ร่วมกันอนุโมทนาด้วยนะครับ

ผมมีความรู้สึกที่ดีมากครับ หลังจากที่มีเพื่อนช่วยกันสนับสนุนผมมาตลอด และผมได้ส่งเงินไปทำบุญเพิ่มเติม ซึ่งผมเองดีใจที่ได้รับบุญที่ได้ทำไว้ทุกวัน เช่น กุฏีพระ ; วงกบไม้ ; ประตูหน้าต่าง โต๊ะอาหาร ที่รองบาตร อื่นๆอีกหลายๆอย่าง รวมทั้ง ช่วยค่าสถานี  และ เครื่องส่งกระจายเสียงใน 2 ครั้งนี้ ผมรู้สึกสบายใจในสิ่งที่ทำครับ

รู้สึกว่าจะได้ทำเกือบครบแล้ว  ขาดแต่การอบรมจิตของตัวเองเท่านั้นครับ (บ่นให้ตัวเองครับ เพื่อนอย่า Serious นะ)  ที่นำมาเป็นบทความใหม่ก็เพียงเพื่อให้เพื่อนๆ ได้อนุโมทนา สาธุกาล เพื่อประโยชน์ของเพื่อนๆเองครับ ...... ยินดีกับท่านที่อนุโมทนาด้วยนะครับ


                                                                                     Vuthmail-Thailand
                                                                                             15.06.54



         

6/6/54

การกำจัดกลิ่นปูนภายในบ้านนก

ตามที่ผมได้สัญญาไว้กับคุณ netchantree ใน Web เกษตรพอเพียงเรื่องการกำจัดกลิ่นปูนที่เกิดจากก่อสร้างไว้บ้านนก

ตาม Link ที่เห็นอยู่ http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?PHPSESSID=96han0v3kbvrb0jjoh8ufgo1l2&topic=2934.800

การกำจัดกลิ่นปูนทำได้หลายวิธีนะครับ


1.-การล้างด้วยน้ำปล่าว ซึ่งจะต้องล้างกันหลายๆครั้งนะครับ เนื่องจากกลิ่นปูนหรือสารเคมีของปูนส่วนที่อยู่ด้านในซึ่งไม่โดนน้ำจะค่อยๆซึมออกมาที่ด้านนอก ดังนั้นเราจะต้องล้างกันบ่อยๆ จนกว่าสารเคมีที่อยู่ภายในลึกๆ จะถูกกำจัดออกไปหมด ซึ่งต้องล้างกันหลายครั้งมากๆเลย มากกว่า 5-8 ครั้ง ซึ่งเสียเวลาเอามากๆ เป็นวิธีการที่เห็นผลช้า

2.-การใช้ขี้นกแอ่น ป้ายหรือทาบนกำแพง (ซึ่งผมเรียกวิธีการนี้ว่า การดับกลิ่นแบบแห้ง) ซึ่งต้องใช้ขี้นกจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นแค่การเอากลิ่นขี้นกแอ่นกลบกลิ่นปูนเท่านั้น อีกอย่างขี้นกที่ทาไว้บนกำแพงก็จะค่อยหลุดร่วงลงมาที่พื้นเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก

3.-การใช้สับปะรดกองโตๆไปกองรวมกันไว้ในบ้านเพื่อดับกลิ่นปูน หรือบางคนใช้แอมโมเนียเพื่อกลบกลิ่นปูนไว้ สำหรับเรื่องแอมโมเนียนี้ ผมมีข้อแนะนำนะครับว่า หากว่าต้องการใช้แอมโมเนียอย่าไปซื้อแบบแพงๆนะครับ  ให้ไปซื้อแอมโมเนียที่เค้าทำปาท่องโก้มาใช้แทนจะดีกว่า เพราะว่าจะราคาถูกกว่าและหาได้ง่ายกว่ามาก และที่สำคัญกลิ่นแอมโมเนียจะอยู่ไม่ค่อยทนครับ ต้องคอยพลิกให้แอมโมเนียไปมาเพื่อให้สัมผัสอากาศได้อย่างทั่วถึง-กลิ่นแอมโมเนียจึงจะระเหยตัวออกมาได้อย่างเต็มที่ หากว่าไม่พลิกไปมา กลิ่นแอมโมเนียจะอยู่ได้เพียงชั่วระยะสั้นๆ กลิ่นจะเจือจางครับ

4.-การใช้กรดน้ำส้มสายชู ขนาดเจือจางอัตราส่วน 1 ต่อ 150 ฉีดพ่นตามกำแพงให้ทั่ว ในจุดที่ต้องการแล้วทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อวัตถุประสงค์ให้กรดไปกัดกลิ่นสารเคมีที่มีอยู่ในปูนให้เจือจางในเบื้องต้น  จากนั้นให้นำน้ำประปาฉีดล้างทำความสะอาดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการล้างเอากรดเจือจางออก   ซึ่งวิธีการนี้จะมีกลิ่นน้ำสมสายชู (กลิ่นเปรี้ยวอยู่  หลังการฉีดพ่นกรดเจือจางแล้ว ให้เปิดประตูหน้าต่าง หรือพัดลมระบายอากาศเพื่อเร่งระบายอากาศให้มาก)  ซึ่งกลิ่นเปรี้ยวนี้จะหมดไปในระยะ 3-5 วัน (หากว่าว่ากลิ่นยังไม่จาง ให้ล้างน้ำซ้ำอีกสัก 1-2 เที่ยว กลิ่นเปรี้ยวก็จะหายไป พร้อมทั้งกลิ่นปูนจากการก่อสร้างก็จะหายไปด้วยครับ   >>> ข้อแนะนำควรใส่แว่น เพื่อป้องกันสายตาไว้ก่อนการฉีดพ่นจะเป็นการดีมาก <<<
 
5.-การใช้น้ำหมักขี้นก  (ซึ่งผมเรียกวิธีการนี้ว่า การดับกลิ่นแบบเปียก)  ซึ่งคล้ายคลึงกับข้อ 2 แต่ว่าวิธีการนี้จะเป็นแบบแฉะ โดยการนำเอาขี้นกแอ่น ผสมกับน้ำประปา (ที่ปล่อยให้คลอรีนระเหยออกหมดแล้ว) นำมาผสมกันโดยใช้อัตราส่วน 1:3  ซึ่งก็คือการใช้ขี้นกใหม่ ขอย้ำว่าเป็นขี้นกใหม่นะครับ 1 ส่วนกับน้ำ 3 ส่วน หมักทิ้งไว้ 3 วัน โดยที่จะต้องกวนส่วนผสมให้เข้ากันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน คือ เช้า 1 รอบ เย็น 1 รอบเพื่อให้จุลทรีย์ที่อยู่ในขี้นกได้มีโอกาสรับ Oxygen บ้าง ในตอนที่กวนส่วนผสมนี้ ผมมีข้อควรระวังคือว่า กลิ่นน้ำหมักนี้กลิ่นไม่ค่อยโสภีเท่าไหร่นัก กลิ่นสุดยอดเลยชวนให้อ้วกจริงๆ  และก็อย่าให้น้ำหมักกระเด็นติดตัวหรือเสื้อผ้านะครับ เพราะว่ากลิ่นนี้จะติดทนมากๆ เดี่ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือนนะ 555....
    เมื่อหมักส่วนผสมครบ 3 วันให้นำน้ำที่ได้จากการหมักนี้ไปกรอง เพื่อเอากากขี้นกและสิ่งปนเปื้อนขนาดใหญ่ออก เหลือแต่น้ำที่กรองแล้วกับตะกอนเล็กๆ ไม่ต้องกรองละเอียดมาก จากนั้นนำไปฉีดพ่นตามกำแพงเพื่อดับกลิ่นปูน อีกทั้งกลิ่นนี้จะติดทนนานไปหลายอีกอาทิตย์
    ในกรณีที่หาขี้นกใหม่ไม่ได้เลย มีแต่ขี้นกเก่า ก็ยังสามารถนำมาใช้ได้เหมือนกันครับ แต่ต้องปรับสูตรกันใหม่ ใครอยากทราบโทรมาคุยกับผมจะดีกว่ายินดีที่จะบอกให้ทราบ
   
 
วิธีการต่างๆที่ได้กล่าวมาในเบื้องต้นนี้เป็นการกำจัดกลิ่นปูนที่ปลายเหตุ อันเนื่องมาจากส่วนผสมของสารเคมีในปูนซิเมนต์นั้นเอง  ต่อไปนี้เป็นการช่วยลดกลิ่นปูนที่ต้นเหตุซึ่งก็จะสามารถช่วยลดกลิ่นปูนไปได้มากพอประมาณนั้นก็คือ
 
6.-การใช้สูตรปูนฉาบที่มีส่วนผสมของปูนขาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยใช้ปูนขาวเข้ามาเป็นตัวช่วย ซึ่งปูนขาวจะทำให้การฉาบปูนรื่น ฉาบง่าย ลดปริมาณการใช้ซิเมนต์ลด อีกทั้งยังมีสภาพเหมือนกับถ้ำหินปูนที่นกแอ่นอาศัยอยู่ สูตรการผสมปูน เพื่อให้กลิ่นซิเมนต์ไม่รุนแรงอีกทั้งช่วยให้สภาพภายในบ้านนกคล้ายกับผนังถ้ำ จะมีอัตราส่วนดังต่อไปนี้คือ
 
อัตราส่วนการผสมปูนเพื่อฉาบภายในบ้านนก 3-2-1  /  ทราย 3 ส่วน ปูนขาว 2 ส่วน และ ซิเมนต์ 1 ส่วน
 
 
  
ผนังที่ได้จากการฉาบโดยสูตรนี้จะช่วยลดเวลาในการกำจัดกลิ่นปูนได้รวดเร็วกว่าและกำจัดกลิ่นได้ง่ายกว่าการใช้สูตรปูนฉาบแบบปกติมากพอประมาณ
 
ผมได้เปิดเผยและได้แจกแจงวิธีการต่างๆอย่างละเอียดแล้ว และได้เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของวิธีการกำจัดกลิ่นปูนในแบบต่างๆไว้อย่างครบถ้วนแล้วนะครับ คิดว่าคงได้เป็นแนวทางบ้าง หากว่าสามารถนำหลายๆวิธีไปประยุกต์ใช้ ก็จะยิ่งทำให้กำจัดกลิ่นปูนได้ผลที่รวดเร็วขึ้นมาก

ปล.อย่าลืมช่วยกัน ร่วมสมทบทุนกับคุณแม่ยุพาด้วยนะครับ เพราะว่าเครื่องส่งกระจายเสียงนี้ใช้ทุกวัน ได้บุญทุกวัน ใช้ 20 ปีก็จะได้บุญตลอด 20 ปีเลยนะครับ บุญที่ได้ทุกวันติดต่อกันยาวนานมาก  จึงอยากให้ร่วมกันได้รับบุญในครั้งนี้ด้วยกันครับ  ตามที่เขียนไว้ในบทความก่อนนี้

ซึ่งผมกับครอบครัวได้ร่วมสมทบทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ สำเร็จแล้ว เกิดเป็นบุญแล้ว.....สาธุ สาธุ สาธุ


                                                                                                   Vuthmail-Thailand
                                                                                                            06.06.54

อยากให้ร่วมบุญกันหน่อยนะครับ

พอดีช่วงอาทิตย์ก่อน (ต้นเดือน 06 ปี 2554)  เครื่องส่งของคุณแม่ยุพา อร่ามกุล ที่ใช้ออกรายการวิทยุ มาร่วม 20 ปีใช้มานานแล้วเกิดช๊อตเสียหาย ทำให้การออกอากาศวิทยุแล้ว สัญาญาณเสียงไม่คมชัด ฟังไม่รู้เรื่อง ทำให้การฟังรายการวิทยุเป็นไปด้วยความลำบากทั้งผู้จัดทำรายการและผู้ฟังรายการ ซึ่งในขณะนี้ทางคุณแม่ยุพา จะต้องไปขอยืมเครื่องส่งจากบุคคลที่รู้จัก (ซึ่งก็ต้องใช้เครื่องส่งในการทำรายการเช่นกัน) มาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปพลางก่อน ซึ่งสามารถยืมเครื่องได้เป็นเวลาสั้นๆช่วงหนึ่งเท่านั้น เพื่อรวบรวมปัจจัยที่จะซื้อเครื่องส่งกระจายเสียงตัวใหม่

ซึ่งผมเห็นว่ารายการนี้เป็นรายการที่ดี ให้ความรู้ในเรื่องของธรรมะที่ถูกต้อง ตรงตามพระไตรปิฏก และแก้ข้อสงสัย ปัญหาธรรมต่างๆ และแนวทางการประพฤติปฎิบัติตัวเพื่อการอบรมจิต ภาวนา วิปัสสะนา ซึ่งล้วนแล้วแต่เเป็นประโยชน์ต่อบุคคลที่สนใจได้อย่างมาก ดังนั้นกระผมจึงอยากเชิญชวนให้เพื่อนๆที่ติดตามอ่าน Blog ได้มีโอกาสในการร่วมบุญในครั้งนี้ด้วยกัน

ซึ่งโดยส่วนตัวผมเองก็ได้เตรียมปัจจัยที่จะส่งร่วมสมทบทุนไว้จำนวนหนึ่งเช่นกัน หากว่าเพื่อนๆที่สนใจจะร่วมบุญในครั้งนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมาก ผมจึงอยากชักชวนให้ร่วมบุณกันในครั้งนี้ด้วยนะ เพราะว่า คุณแม่ยุพาทำรายการวิทยุทุกวัน เครื่องส่งกระจายเสียงนี้ก็จำเป็นต้องใช้ทุกวันเช่นกัน เราก็จะได้บุญกันทุกวัน หากว่าคุณแม่ยุพาใช้งานได้นานถึง 20 ปีเหมือนเครื่องที่พังไปนี้ เราก็จะได้บุญตลอด 20 ปีเช่นกัน บุญของเราก็จะเกิดขึ้นทุกวัน  ผมจึงอยากให้ร่วมทำบุญครั้งนี้และได้ร่วมกันรับอานิสงส์แห่งบุญนี้กันทุกวัน

การร่วมสมทบทุนในครั้งนี้จะมากหรือน้อยอย่างไรไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญอยู่ "เจตนา" ในการร่วมด้วยช่วยกัน ในเวลาที่ผู้ต้องการความช่วยเหลือ กำลังต้องการความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการอย่างรวดเร็วทันเวลา และได้กระทำบุญ ตามเจตนาที่ได้ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ บุญก็จะสำเร็จ ส่วนเรื่องจำนวนมากหรือน้อยไม่มีความสำคัญเท่ากับ เจตนาที่ได้ลงมือทำจนสำเร็จ เป็นประโยชน์แล้ว

ผมเองออกบทความนี้เพื่อส่งต่อข้อมูลข่าวสารงานบุญนี้ ก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนให้กับผู้ที่ร่วมสมทบทุนในครั้งนี้ ซึ่งได้อ่านบทความนี้แล้วเกิดจิตน้อมอยากร่วมทำบุญด้วยเสียงในครั้งนี้  ผมเองก็ได้แต่ร่วมอนุโมทนา สาธุด้วย และพยายามจะออกบทความเป็นระยะไปเรื่อยๆ เหมือนเช่นเดิมครับ

ท่านที่สนใจจะร่วมบุญสามารถโอนเงินเข้าบัญชีคุณแม่ยุพา ได้โดยตรงที่

ชื่อบัญชี  ยุพา  อร่ามกุล

1.- บัญชีธนาคาร     กรุงเทพ     สาขา บางเขน      ประเภทสะสมทรัพย์ เลขที่ 161-5-36875-8
2.- บัญชีธนาคาร ไทยพาณิชย์  สาขา พระราม 9   ประเภทสะสมทรัพย์ เลขที่  066-2-26203-0

หลังจากโอนเงินแล้วกรุณา แจ้งคุณแม่ยุพา ที่โทร 02-941-3558 หรือ Fax 02-914-3556 โดยตรงเลยครับ เพราะว่าคุณแม่ยุพาจะได้รับรู้รับทราบและร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันนะครับ  .....

  " สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ  -  การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง "  

                                                                                   Vuthmail-Thailand
                                                                                             06.06.54