31/12/52

ของเล่นใหม่-New experimental try to boost up blade humidifier efficiency

ของเล่นใหม่ในเครื่องทำความชื้น ตัวเดิม

เป็นการทดลองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Blade Humidifier เครื่องทำความชื้นตัวเดิมขึ้นไปให้ใกล้กับจุดสูงสุด

ด้วยการ Modify ระบบจานตีน้ำ และใบใหม่ เพื่อทำให้หมอก ไอน้ำออกมาละเอียดมากว่าเดิมและเพิ่มปริมาณลมในกรวยอากาศให้มากขึ้น แต่ลมไม่จัดจนเกินไป โดยคงความเงียบได้มากกว่าใบเดิมที่เป็นสีเหลือง ซึ่งจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่างๆที่เหมาะสมกับการใช้ในตึกนกให้มากขึ้น

ภาพที่ได้อาจจะสั้นไปหน่อย เพราะว่า Batt หมดเสียก่อน

อาจจะมีแสงจากภาพนอกมารบกวนในช่วงต้นๆ จึงทำให้ดูภาพได้ไม่ค่อยจะ Clear แต่ว่าภาพในช่วงท้ายๆ
จะดีขึ้นเพราะเปลี่ยนมุมการถ่าย มีสิ่งที่ต้องการให้สังเกตุก็คือปริมาณหมอกที่ออกมาจากทั้ง 2 ตัว ในช่วงท้ายก่อนจะจบ โดยเฉพาะตัวสีม่วงที่เป็นตัว Modify เพิ่มประสิทธิภาพใหม่มากขึ้นแล้ว




                                                                                                     Have Fun

                                                                                             Vuthmail-Thailand

30/12/52

ก่อนการสร้างตึกจริง ควรมี Model ไว้ดู

ถึงคุณ Tweeter คุณชาวดอย และเพื่อนๆที่ต้องการจะสร้างบ้านนก

โดยส่วนมากแล้วเพื่อนๆที่คิดจะทำบ้านนก เมื่อออกแบบตึกต่างๆเสร็จ ก็คิดว่าเอาหละ น่าจะดีแล้วน่าจะสมบรูณ์แล้ว แต่เดี๋ยวก่อนครับ ท่านอาจจะผิดพลาดอะไรบางอย่างเล็กๆน้อย หลงลืมรายละเอียดบางประการไปก็ได้ แล้วมันก็จะนำไปสู่ความยุ่งยากอีกหลายต่อหลายประการ การทุบรื้อ เพิ่มเติมสิ่งต่างๆในภายหลังเป็นเรื่องที่ลำบากมาก

ยิ่งเมื่อเปิดตึกหรือเปิดบ้านนกให้นกบินเข้ามาสำรวจ หรือเมื่อบ้านนกของท่านเริ่มมีนกกลุ่มเล็กบางตัวเริ่มมานอนค้างคืนเป็นครั้งเป็นคราวแล้ว การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆภายในบ้าน เป็นเรื่องที่จะต้องรบกวนนกกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นกลุ่มสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

สิ่งที่ผมจะแนะนำ ก็คืออย่าคิดว่าแบบบ้านนกที่ออกแบบไว้แล้วจะมีความสมบรูณ์อย่างเต็มที่ในครั้งเดียวนะครับ สิ่งที่เราควรที่จะสร้าง Model เพื่อจำลองตัวบ้านออกมาก่อน แล้วนำ Model ที่ได้มานั่งมอง นั่งพิจารณาทุกแง่ทุกมอง แล้วท่านก็จะพบว่า ยังต้องมีรายการเพิ่มเติม หรือ รายการบางอย่างที่จะต้องเอาออก

เมื่อท่านได้ทำ Model เบื้องต้นไว้แล้ว  ผมแนะนำให้ท่านนำแบบจำลองนี้ไปทดสอบการรับแสง รับลมดูบ้าง หากว่าแบบบ้านนกยังไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ การที่เราจะเจาะจะแก้ไขอะไรอย่างไร ตรงไหน ก็ให้ทำที่ Model เบื้องต้นนี้ให้เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน แล้วจึงนำ Model นี้ไปทำการทดสอบใหม่อีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นั่งมองภาพตึกจินตนาการทุกวันก่อนสร้างตึกจริง สัก 1-2 เดือน

ผมเน้นว่าให้ท่านทำทุกวันเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนท่านหมดข้อสงสัยต่างๆแล้ว ก็เรานำ Model ที่แก้ไขแล้วไปทำการเขียนแบบก่อสร้างจริงในภายหลัง และจะไม่เป็นที่ยุ่งยาก-ลำบากสำหรับคนที่เขียนแบบ ซึ่งจะต้องเขียนใหม่ทุกครั้ง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบอาคาร นอกจากการแก้แบบแล้ว ช่างเขียนแบบจะต้องคำนวณน้ำหนักอาคาร  คำนวนเหล็กใหม่ทั้งหมดซึ่งเป็นเรื่องไม่สนุกเลยครับ ผมจึงแนะนำว่าให้ทำเป็น Model เบื่องต้นแล้วแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้เป็นที่พอใจ หรือ จนเมื่อได้ข้อสรุปที่ลงตัวทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว  จึงค่อยนำ Model ที่ได้นี้ไปคุยกับช่างเขียนแบบอีกที เพื่อให้เขียนแบบพิมพ์เขียวออกมาที่เดียว ผมรับรอว่าช่างเขียนแบบจะชอบวิธีการนี้มาก เขียนแบบที่เดียวจบเลย ไม่ต้องแก้แบบ และไม่เปลืองค่าเขียนแบบด้วยครับ

 ตัวอย่าง Model บ้านนกที่ผมทำไว้เทียบกับ บ้านนกที่สร้างจริง  







เมื่อได้ Model แล้วเราควรที่จะเก็บ Model ไว้   ซึ่งจะสามารถนำมาดูมาตรวจสอบความคืบหน้า หรือเพื่อใช้ในการวางแผนต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย  ซึ่งรับรองว่าทุกท่านต้องได้ใช้แน่ๆๆ ไม่ต้องห่วง ผมจึงแนะนำให้ท่านเก็บ Model ไว้ใช้ต่อ     อย่าทิ้งนะครับ    












การทำ Model ควรที่จะสามารถแยกเป็นชั้นได้ด้วย เพื่อความสะดวกในการมองให้เห็นภาพรวมเป็นส่วนๆไป   สิ่งนี้จะทำให้เราสามารถดูรายละเอียดต่างๆ ได้เหมือนจริงมาก โดยไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับภายในบ้านนกเลย










Model ที่ดีควรที่จะสามารถแยกทุกชิ้นส่วนออกจากกันได้ตามรูป และสามารถประกอบกลับเป็นรูปทรงเดิมได้ด้วย  พร้อมทั้งสามารถดูรายละเอียดส่วนที่เป็นภายในได้  เพื่อทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจน และสามารถใช้ในการกำหนดแผนงาน หรือ วางแผนการทำงานควรเริ่มจากตรงไหนอย่างไรได้อย่างละเอียด





สำหรับบ้านนกที่เริ่มมีนกเข้ามาอาศัยอยู่บ้างแล้ว ยิ่งมีความสำคัญมาก เพราะเราสำมารถกำหนดสิ่งต่างๆ ไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเริ่มเข้าไปในบ้านนก จะได้ทำงานต่างๆเป็นขั้นเป็นตอน โดยไม่รบกวนนกที่เข้ามาอาศัยอยู่ภายในบ้านแล้ว






หวังใจว่าคงเป็นประโยขน์และเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆที่ยังไม่ได้ทำ Model นะครับ


                                                                                           Just Do It

                                                                                    Vuthmail-Thailand

29/12/52

Anyone who can't read Thai. Now you can try my blog in English version

For anyone who can't read Thai. Now you can try my blog in English version
with google translate at this site.....

http://translate.google.com/translate?hl=en&sl=th&u=http://vuthmail-swiftlet.blogspot.com/&ei=Ju45S-PYFdGTkAXCjYGuDw&sa=X&oi=translate&ct=result&resnum=1&ved=0CAcQ7gEwAA&prev=/search%3Fq%3Dvuthmail%26hl%3Den


                                                                                Have Fun
                   
                                                                          Vuthmail-Thailand     

27/12/52

DIY หัวใจของความสำเร็จ

ผมคิดว่าคนทำบ้านนก หรือ คนที่กำลังก่อสร้างบานนก ได้อ่านหนังสือมากมาย-พอเพียงแล้ว

ผมว่าทุกท่านมีความรู้พื้นฐาน ใกล้เคียงกันมาก ลองโยนหนังสือ-ตำหรับตารา ทิ้งไปบ้างครับ
เปิดรับสิ่งใหม่ๆๆ ด้วยการทดลอง ...DIY...หรือ Do It Yourself ลองผิด ลองถูก ด้วยตัวของท่าน
เองนะครับ ได้ความรู้ใหม่ๆๆ มากมาย แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกันดู หรือจับกลุ่มกันเป็กลุ่มเล็กๆ
ทดลองสิ่งต่างๆๆ ที่อยากรู้ อาจจะได้อะไรที่เป็นข้อมูลใหม่ที่เป็นประโยชน์ในอนาคต ต่อยอด
ไปสู่สิ่งใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ บางอย่างก็เส้นผมบังภูเขา บางอย่างก็ภูเขาบังภูเขาเลย

ผมมีประสบการณ์ไม่ที่ดีเกี่ยวกับการทำบ้านนกมามาก เลยไม่อยากให้ท่านอื่นๆ โดนอย่างผม
อีกอย่างที่ผมเคยบอกไปนะครับ  ความลับต่างๆที่เป็นทีเด็ดของเค้า ท่านไม่ต้องไปสอบถาม
ให้เสียความรู้สึกของตัวท่านและตัวท่านที่ถูกสอบถามเลยครับ
 
แล้วเราอยากจะรู้อะไรที่เป็นทีเด็ดหรือปล่าว  ผมคิดว่าทุกคิดเหมือนกันครับ ก็คือ   อยาก   
 
กันทั้งหมด แต่จะทำกันอย่างไรละครับ  คำตอบคือ      DIY --- Do It Yourself    
  • ตัวผมเอง รู้ซึ้งเรื่องนี้เป็นอย่างดี  จึงไม่ค่อยสอบถามอะไรที่เป็นทีเด็ดของบุคคลอื่นเท่าไหร่ ดังนั้นสิ่งที่ผมมี สิ่งที่ผมเป็น ในเรื่องบ้านนกโดยส่วนมากแล้วจะเป็น DIY ที่ลองทำกันเอง ทำผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่ก็มีสิ่งที่สำคัญที่ผมได้กับตัวเองก็คือ รู้ว่าอะไรคือของจริง
  • อะไรเป็นสิ่งที่ผิด อะไรสมควรจะเชื่อ อะไรไม่สมควรที่จะเชื่อด้วยตัวเราเอง บางครั้งโชคก็ เข้าข้างบ้าง ไม่เข้าข้างบ้าง
  • แต่สิ่งที่เราจะได้นั้นจะเป็นสิ่งที่มีค่า และสามารถนำไปเป็นองค์ความรู้เพื่อต่อยอดได้
ผมทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองมาตลอด  ดังนั้นส่วนที่ผมนำเสนอนี้ไม่ได้เกิดการที่ไปลอกเลียนใครมา
แต่เกิดจากการทำ การทดลองด้วยตัวเองมาโดยตลอด และ จะขอคำปรึกษาจากคนที่ผมเคารพเท่านั้น หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนั้นๆจริงๆ  ซึ่งท่านเหล่านนั้นไม่เคยปรากฎคนบน Website หรือ Blog ไหนเลย จริงๆนะครับโดยเฉพาะที่เป็นของไทย เพราะท่านเหล่านั้นไม่อย่างโดน.............

       ความจริง ก็คือ ความจริง  

  คนดีก็มี - ผมเชื่ออย่างนี้ และผมก็ได้พบ ได้เจออยู่อย่างเช่นทุกวันนี้  

สรุปอยากให้เพื่อนทำ ....DIY....   หากว่าทำแล้วผิด ก็เท่ากับว่าท่านปิดประตูทางที่ผิดไปแล้ว
อีก 1 บาน และเหลือประตูที่จะให้ท่านเดินทางผิด   น้อยลงไปอีก 1 บาน 



                                                                         Vuthmail-Thailand

26/12/52

30 โหล สำหรับท่านที่อยากทดลองใช้รังนกเทียมของผม

ผมว่าจะทำแค่ 30 โหล สำหรับท่านที่ต้องการทดลองใช้รังนกเทียมของผม


งานนี้ผมอยากให้เพื่อนๆได้ทดลองใช้ดูเพื่อพิสูจน์ว่ารังเทียมของผมว่าจะใช้ได้ผลมากน้อย
เพียงไร เหมาะสมกับทุกพื้นที่หรือไม่อย่างไร  เพื่อนๆจะเห็นอย่างที่ผมได้เห็นหรือไม่ และที่ได้
ผลอย่างที่ผมได้ Upload รูปไว้หรือไม่อย่างไร

แม่นกจะหลงเชื่อว่าเหมือนรังแท้มากน้อยขนาดไหนลองดูนะครับ หรือ จะเห็นรอยน้ำลายที่แม่นกเสริมปีกรังอย่างที่ผมได้บอกกล่าวไว้หรือไม่

เอาเป็นว่าผมขอทุนแค่โหลละ 1,000 บาทเท่านั้นครับ เนื่องจากเป็นงานที่ไม่มี Mold แบบ Plastic แต่ว่า Hand Made ล้วนๆ ครับผม งานหลายขั้นตอนมาก

ลืมบอกไปครับว่า รังนกเทียมชุดที่ผมออกแบบมานี้ เมื่อนำรังเทียมออก เพื่อย้ายตำแหน่งไปติดที่อื่น ก็จะไม่กระทบกระเทือนรังน้ำลายของแม่นก ไม่ทำให้รังน้ำเสียหายเลยและมีข้อที่ดีว่า

  แม่นกจะยังเห็นน้ำลายที่ใช้ทำรังอยู่ที่ตำแหน่งเดิมที่เคยทำรังไว้  

ไม่ใช่เหลือแค่เศษน้ำลายแบบที่หลงเหลือจากการเก็บรังอย่างที่เป็นๆกันอยู่  แต่ว่าจะเห็นโครงสร้างตาข่ายน้ำลายที่แม่นกสานไว้ที่ฐานรัง เพื่อให้ลูกนกสามารถใช้ประโยชน์ในขณะที่เป็นลูกนกแรกเกิด หรือตอนเป็นนกเด็กที่ยังไม่มีขน

หากใครสนใจกรุณา Comment ลงไปเลยก็ได้นะครับ หรือจะส่ง Mail มาที่ผมก็ได้นะครับ
Vuthmail@gmail.com รบกวนระบุจำนวนที่ต้องการมาเป็นโหลนะครับ จำง่ายไม่ยุ่งยาก

                                                                                               This is it

                                                                                        Vuthmail-Thailand

24/12/52

รังเทียม หนึ่งในวิธีการเพิ่มประชากรนก ที่ไม่ควรมองข้าม

รังเทียม Imitate Nest หนึ่งในวิธีการเพิ่มประชากรนก ที่ไม่ควรมองข้าม

การสร้างแม่นกจะทำล่วงหน้าก่อนที่แม่นกจะวางไข่
เมื่อแม่นกเริ่มผสมพันธ์ แม่นกก็จะเริ่มทำรังไว้รอ หากว่ารังเกิดหล่นลงมาหรือถูกเก็บรังไปก่อน
แม่นกจะเริ่มสร้างรังใหม่อีกครั้งแต่ในลักษณะเร่งสร้าง ทำให้เนื้อรังจะบางกว่าปกติ เพราะว่าจะ
ใกล้วันที่วางไข่  หากว่าก็ยังถูกเก็บรังไปอีก คราวนี้แม่นกคงจะไข่ทิ้งไปเลย  ซึ่งลักษณะอย่าง
นี้ไม่สมควรให้เกิดขึ้น  ใจเค้าใจเรานะอย่าไปทำบาปในลักษณะเยี่ยงนี้เลย

หากว่าร้ายแรงมากเข้าแม่นกนอกจากจะไข่ทิ้งแล้วก็ยังจะหนีออกจากบ้านไปเสียด้วยซ้ำ จึง
เท่ากับว่าเราเสีย 2 ต่อ  - เสียลูกนกไป 2 ตัว หรือประชากรนกใหม่ที่จะได้ในอนาคตไป 2 ตัว
                                - เสียแม่นกที่เจริญพันธ์ที่พร้อมจะช่วยสร้างประชากรไปอีก 2 ตัว

หากว่ามองกันสั้นๆ ก็จะเสียนกพร้อมกัน 4 ตัวเป็นอย่างน้อย หากว่าเรามองกันยาวขึ้นไปอีกเป็น
1 ปีเราจะคำนวณได้หรือไม่ว่าเราจะเสียนกรวมแล้วกี่ตัว (8 ตัว) ระยะ 2-3 ปีก็จะเสียไปมากกว่า
20-30 ตัว เพราะว่าลูกนกที่อายุประมาณ 1 ปีก็สามารถที่จะเริ่มผสมพันธุ์ วางไข่ได้แล้วครับ หาก
ว่าเราคิดสั้นๆๆ เสียหายไม่มาก แต่หากว่าระยะยาว ผมว่าเป็นการตัดอนาคตตัวเองเลยนะครับ

เรื่องเหล่านี้คนที่ทำบ้านนกรู้ดีครับ ส่วนใหญ่ก็จะรอรับนกที่อพยพหนีมาจากที่อื่นๆเสียมากกว่า
หากว่าแม่นกบางตัว ที่เสียรังไปแล้ว แต่ยังไม่ไข่ทิ้งบินมาสำรวจหาบ้านใหม่แล้วพอว่าบ้านนก
ของท่านมีรังเทียมรออยู่เค้าก็พอจะทราบว่ารังนี้ว่างไม่มีเจ้าของเค้าก็จะเค้าไปจับจองแล้วก็เริ่ม
วางไข่ได้ทันที นี้จึงเป็นการเพิ่มประชากรนกอย่างหนึ่ง  ซึ่งเหมาะกับบ้านนกที่อยู่ใกล้เกาะแก่ง
ต่างๆ ที่มีนกอยู่มากและจะเกิดการอพยพตอนที่มีการเก็บรังสัมปะทาน เก็บเกือบทุกรังผมคิดว่า
อย่างนั้นนะ เพราะว่าขึ้นก็ยากแสนยาก และรอบเก็บที่เค้าสัมปะทานก็มีระยะเวลาจำกัด อนุญาติ
เก็บได้ไม่เกิน 7 วันบ้าง 9 บ้าง เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนนก แต่ผมว่าเป็นเหตุให้เก็บกันแหลก
เสียมากกว่าครับ

ช่วงนี้จึงเป็นช่วงโอกาสของท่านซึ่งมีบ้านนกที่อยู่ใกล้ๆเกาะแก่งที่เค้ากำลังเก็บรังนกอยู่ ผมแนะ
ให้ท่านติดรังเทียมรอไว้ให้ได้เลยครับ เพราะนกจะอพยพหนีมาเพื่อหาที่อยู่ใหม่ หากว่าท่านได้
ติดรังเทียมไว้รอด้วยหละะก็ ท่านมั่นใจได้เลยครับว่าประชากรนกของท่านจะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้แน่ๆ
เพราะแม่นกที่มีไข่อยู่จะเข้ามาวางไข่ แล้วกกไข่เลย จึงเป็นโอกาสของท่านก็จะได้นกอย่างสบายๆ ไม่ต้องออกแรงอะไรมากมายนัก กับลาภที่ลอยมา (หรือว่าบินมา กันแน่ 5555)

ในอีกกรณีหนึ่ง ลูกนกมือใหม่ที่อาจจะสร้างรังได้ไม่สมบรูณ์นัก ก็ใช้รังเทียมของท่านไปพลางๆก่อน รอให้เค้าพร้อมเสียก่อน ดังนั้นรังเทียมก็จะมีเข้ามามีบทบาทในตอนนี้เอง เมื่อลูกนกเก่งขึ้นลูกนกก็จะค่อยๆพัฒนาฝีมือในการสร้างรัง จนในที่สุดเค้าสามารถสร้างรังที่สมบรูณ์ได้เอง

   ถึงรังเทียมจะเป็นของเทียม แต่ว่าสิ่งที่ได้เป็นไข่จริง ลูกนกจริง (ของเทียม สร้างของแท้นะนี่) 









รังเทียมที่ท่านเห็นในภาพ เป็นรังเทียมผมกับน้องพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ใกล้เคียงกับรังแท้โดยเน้นที่

 ความนุ่มนวล มีความเหนียว   
ใกล้เคียงรังนกแอ่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งแตกต่างจากรังที่ทำมาจาก Plastic ซึ่งแข็งกระด้าง
รังเทียมนี้ได้ออกแบบมาอย่างปราณีต สามารถระบายฉี่ลูกนกได้ดีพอสมควร วัสดุที่ใช้ทำนี้ลูกนกสามารถยืดเกาะได้อย่างมั่นคง ไม่ตกลงมา มีความยืดหยุ่นสูง บิดงอได้ ทนน้ำได้ 100% (ไม่ใช่เพียงแต่ทนชื้น แต่ทนน้ำได้ 100%) อายุใช้งานตลอดอายุขัย ไม่เสียหายเหมือนรังเทียมที่ทำจากผ้าก๊อตที่มีขายอยู่  รังผ้าจะมีอายุการใช้งาน 1-2 ปีก็ต้องทิ้งแล้วเพราะความชื้นหรือการเปื่อยยุ้ย

รังเทียมที่พัฒนาขึ้นมานี้ การติดติ้งได้ง่ายสะดวก ติดตั้งได้แนบสนิทกับ Plank 100% ไม่มีที่ว่าง
ให้ตัวไรหลบซ่อนตัวได้ จึงปลอดภัยจากตัวไรที่จะมากัดกินเลือดลูกนก

การติดตั้งทำได้ง่าย ติดตั้งอย่างมั่นคง ไม่เป็นที่กังวลของแม่นก แม่นกสามารถเข้าสำรวจรังได้ทันที
รังมีความกว้างพอรองรับลูกนกได้ 3ตัว เมื่อติดตั้งแล้วไม่มีส่วนใดที่เป็นอุปสรรคต่อพ่อแม่นกในการเข้าออก ไม่เกะกะตอนให้อาหาร เมื่อลูกตัวโตขึ้นก็จะออกจากรังก็จะออกมาเกาะข้างรังได้สะดวก

เนื่องจากเนี้อวัสดุที่ใช้ใกล้เคียงกับรังแท้มาก แม่นกจึงหลงคิดว่าเป็นเป็นรังแท้ แม่นกจึงเพียงแต่ป้ายน้ำลายเพื่อเสริมปีกรังอีกเพียงเล็กน้อย เนื้อรังเทียม ไม่มีกลิ่น และ รูปทรงที่ได้ขนาดได้สัดส่วนที่เหมาะสม เป็นที่พอใจของแม่นกมาก ดังนั้นแม่ก็เริ่มวางไข่ กกไข่ จนลูกนกฟักเป็นตัว พ่อแม่นก
สามารถนำน้ำและอาหารมาป้อนลูกได้อย่างสะดวก เมื่อลูกนกตัวโตขึ้นจนรังคับแคบ ลูกนกก็จะออกจากรังมาห้อยตัวอยู่ด้านข้างรังเทียมได้อย่างสะดวกและมั่นคงมากเนื่องจากเนื้อรังเทียมมีความนิ่ม
ยืดหยุ่นอย่างเหมาะสม และเมื่อพร้อมที่จะหัดบินก็จะออกมาฝึกการกระพือปีกอยู่ข้างรัง ด้วยรังที่มี
ขนาดกว้างลูกนกจึงมีพื้นที่ในการฝึกกระพือปีกได้มากกว่าปกติ เมื่อแข็งแรงพร้อมที่จะบิน ลูกนกก็
จะบินออกจากรังไปทีละตัว

สาเหตุอีกประการหนึ่งที่ออกแบบรังเทียมชุดนี้ใหญ่กว่าปกติ ก็เพราะแอบหวังใจไว้ลึกๆๆ ว่าเมื่อลูก
นกที่เคยใช้รังเทียม เคยอยู่ในรังที่กว้างใหญ่จะจำความรู้สึกเหล่านี้ไว้ แล้วไปสร้างรังที่มีขนาดใหญ่
ใกล้เคียงกับรังเทียมที่ลูกนกเคยอาศัยอยู่  (ฮิ ฮิ แอบหวังอยู่จริงๆๆนะ เพราะหากว่าเป็นจริงขึ้นมา ก็จะดีมาก เพราะเราจะได้รังที่ใหญ่ และมีน้ำหนักมากตามไปด้วยนั้นเอง นะลูกนกที่รัก)







หากว่าท่านใด มีความสนใจรังเทียมที่ผมผลิตขึ้นมานี้ เพื่อนำไปทดลองใช้ สามารถติดต่อผมได้ที่
Vuthmail@gmail.com  ผมทำขึ้นเพื่อทดลองใช้ดูเองและเห็นว่าใช้ได้ผลดี

  เป็นที่  ชื่นชอบของแม่นก มากๆๆ   

ก็เลยอยากให้พี่ๆน้องๆ ได้มีโอกาสใช้ด้วย เพราะสินค้าตัวนี้ไม่มีขายโดยทั่วไป ไม่ได้ทำในเชิงพาณิชย์ เพราะจะว่ารังเทียมนี้ต้องทำด้วยมือทุกชิ้น และใช้เวลามากพอสมควรครับ




จากหลายๆรูปที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นสิ่งที่บอกชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว

 ท่านไม่ต้องพิสูจน์ แต่นกแอ่นได้พิสูจน์แทนท่านเรียบร้อยแล้ว  






ให้ดูตัวต้นแบบกันชัดๆครับ พอดีลืมลงรูปให้ดู

                                                                        Just Try it
                                                                   Vuthmail-Thailand

22/12/52

ก่อนจ่ายเงินซื้อไม้ Plank อ่านที่ตรงนี้ก่อนนะครับ

  เรื่อง Plank ไม้นี้เป็นเรื่องที่ค่ายทาง Indonisia กับ Malaysia เค้า Cheer ไม้ Plank ที่เค้าทำขึ้นกันน่าดูเลยครับ ตามที่เราเห็นๆกันอยู่ตาม Website ต่างๆมากมาย บ้านเค้าก็ไปกันไกลมากแล้วบ้านเราต้วมเตี้ยมกันอยู่เลย เฉพาะเรื่องไม้ก็เถียงกันจะเป็นจะตายเพราะว่าไปได้ต้นแบบจาก Eka ;
NestTech และอีกหลายต่อหลายค่ายที่คุยว่าไม้ของเค้าดีอย่างนั้นอย่างนี้

    โดยเฉพาะ Eka เจ้ายุทธจักรของการขาย ขายทุกอย่าง แล้วก็ต้องของๆเค้าด้วยนะ รวยกว่าเรา
(คนที่ไปซื้อไม้เค้า) ไม่รู้กี่ร้อยเท่าแล้ว เราสร้างบ้านนกหวังรวย แต่เค้านะรวยไปก่อนแล้ว สาเหตุก็ต้องการขายไม้นั่นเอง เพราะว่าไม้เป็นอะไรที่ใช้ค่อนข้างมาก ในการทำบ้านนก  ซึ่งเค้าก็ใส่ไข่กันเต็มที่เลย อ้างสรรพคุณกันเต็มสูบ ว่ากันไปเรื่อย  ค่ายอื่นๆก็ได้ทีก็เล่นตามเลย ทำให้คนที่ไม่รู้ คนที่ไม่แน่ใจ ก็ตัดสินใจซื้อซื้อธรรมดาๆๆ แต่ในราคาที่ไม่ธรรมดาจริงๆ  ผมเคยถกเถียงเพื่อหาข้อสรุปกับพี่น้องๆพ้องเพื่อนๆหลายต่อหลายคน  ความเห็นแตกต่างครับ    หาข้อสรุปได้ยาก  

   - บางคนก็คิดว่าหากว่าจ่ายแพงแล้วได้ผลเร็วขึ้นก็ยินดี ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าได้ผลจริง หรือไม่อย่างไรผมก็ตอบไม่ได้  หากว่าท่านใดที่ได้ใช้แล้วดีบอกด้วยนะครับ จะได้เป็นความรู้ใหม่

  - ส่วนตัวผมตอนแรกก็เกือบจะหลงกลไปเหมือนกันครับ แต่ว่าตัดสินใจไม่เอาดีกว่า เอาตามที่ตัว
เองทำได้เป็นหลัก  คือว่า งก ไม่ยอมที่จะจ่าย Premium ส่วนนี้ให้กับต่างชาติต่างประเทศ เราอุด
หนุนคนไทยด้วยกันเองดีก่านะ

หลักของผมมีอย่างเดียวครับ  Back to Basic อย่างเดียว โดยทำการเปรียบต่างกันในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในธรรมชาติ กับ สิ่งที่กล่าวอ้างกันค่ายต่างๆที่ชอบบอกว่า ไม้ของตนเองที่ใช้เป็นไม้ที่นกชอบ
ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ตามที่มีบทความต่างๆกันอยู่มากมาย ว่าไม้ Plank ให้นกเกาะจะต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง เช่นจะต้องไม่แข็งมาก แข็งพอประมาณ หากว่าเป็นไม้เนื้ออ่อนยิ่งดี จะทำให้นกเกาะได้ง่าย ถูกต้องทั้งหมด! ไม่มีใครผิดเลย

  ที่วัดช่องลม สมุทรสาคร ท่านเห็นนกเกาะอยู่ที่ผนังปูนหรือไม่ครับ  เกาะตามปูนปั้นซึ่งนูนขึ้น หรือเว้าลง หรือบ้านนกที่มีประชากรนกมาก นกเหล่านั้นก็อาศัยปูนเป็นที่เกาะ แถมยังทำรังได้เหมือนกัน
หรือแม้แต่ผนังถ้ำตามแกะแก่งต่างๆ นกก็อาศัยผนังถ้ำเหล่านั้นเป็นที่เกาะอาศัยอยู่ แล้วอะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้นกเหล่าอยู่ได้ แถมอยู่กันมากและอยู่มาก่อนที่จะมีการเริ่มใช้ไม้ที่โฆษณากันคือ

  อะไรคือปัจจัย  ช่วยคิดกันหน่อยครับ  ..... Tik Tok Tik Tok 

คิดกันก่อนนะครับ ห้ามแอบอ่าน

คิดกันอย่างไรกันบ้าง มีความเห็นอย่างไร ไม่ว่ากันครับ

แต่ในมุมมองของผมเอง ก็คือว่า นกไม่ได้สนใจ สิ่งเหล่านั้นเลย แต่ว่านกรู้สึกว่า สภาพแวดล้อมต่างๆ
ทั้งมีความปลอดภัยสูง อุณหภูมิความชื้นเป็นที่พอใจแล้ว ก็ตัดสินใจเลยว่าจะอยู่แล้วนะ  มันจึงอยู่ที่

 ฉันชอบที่ตรงนี้ ฉันตกลงใจแล้วที่จะอยู่ที่นี้ พอใจหละ  

แล้วมีอะไรให้ฉันเกาะบ้าง  มีผนังโบสถ์ปูนฉันก็จะเกาะผนังโบสถ์  มีผนังถ้ำฉันก็จะเกาะเพราะว่า
ฉันอยากจะอยู่ที่นี้  หากว่ามีไม้ก็ดี ฉันไม่สนหรอกว่าเป็นไม้อะไร ขอเพียงแต่ว่ามีที่ให้ฉันเกาะเป็นอันพอ แม้แต่อลูมิเนียมฉันก็ยังเกาะได้เลย










แล้วทำไมถึงต้องไปซื้อไม้ที่เค้าขายกันแพงๆ เสียเงินปล่าวๆ แต่ก็มีประเด็นให้คิดต่ออีกหน่อยนะครับ วัสดุที่จะนำมาทำที่ให้นกเกาะควรที่สามารถดูดซับน้ำลายนกได้พอประมาณ ไม่ใช้ป้ายน้ำลายแล้วแม่นกจะต้องรอกันอยู่นานกว่าน้ำลายจะแห้งเพียงพอจะยืดเกาะ หรือ ช่วยพยุงไม่ให้รังหลุดล่วงได้ง่าย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อไข่หรือลูกนกที่ยังบินไม่ได้ เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ


ประเด็นต่อมาก็คือ แล้วทำไมจะต้องเป็นไม้ เพราะสาเหตุอันใดน้อ อันนี้ในมุมของผม ก็คือว่าการใช้
ไม้มีสาเหตุเนื่องมาจากไม้สามารถดูซับน้ำลายแม่นกได้ดี สะดวกในการติดตั้ง การทำงานได้ง่าย ตัดแต่งได้รวดเร็ว พร้อมทั้งมีความแข็งแรงพอเพียงนั้นเอง  ส่วนจะเป็นไม้เนื้ออ่อน ก็ทำให้นกเกาะได้สะดวก  แต่อาจจะด้อยเรื่องความแข็งแรงไป ส่วนไม้ที่แข็งมาก ก็จะเป็นไม้ที่มีน้ำหนักมากด้วยเช่นกัน  สุดท้ายก็จึงเป็นที่มาของการใช้ไม้ที่มีความแข็งปานกลางนั้นเอง น้ำหนักไม่มากเกิน ไม้อะไรก็ได้ครับ

ขอวกกลับมาเรื่องไม้เนื้ออ่อนอีกสักหน่อยนะครับ  ไม้เนื้ออ่อนส่วนมากก็จะเป็นไม้ที่มีพรุนมากกว่า ดังนั้นพวกไม้ที่ประกาศขายตามค่ายต่างๆจะต้องเป็นไม้ที่อบแห้งแล้ว อาจจะใส่กลิ่นเข้าไปด้วยอันนี้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะว่าอย่างไรก็ต้องอบไม้ให้แห้งอยู่แล้ว เสียเงินอีกหน่อยโดยการใส่กลิ่นเข้าไปเพื่อดึงดูดให้คนส่วนมากคิดว่าน่าจะดี แล้วก็นำมาเป็นข้อดีที่เค้าประกาศขายอยู่นั่นเอง

แต่เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนที่ท่านจะติดสินใจซื้อไม้พวกนี้ ผมมีข้อคิดบางประการที่เพื่อนๆ พี่น้องๆอาจจะ
คิดไม่ถึงก็คือ การนำไม้เนื้ออ่อนที่มีรูพรุนมาก มาใช้ในบ้านนกที่มีความชื้นสูง ไม้ที่อบแห้งแล้วก็จะ
ดูดความชื้นกลับเข้าไปคืน เมื่อไม้ดูดความชื้นกลับเข้าไปนานวันขึ้นจะเกิดอะไรขึ้น  พี่ๆน้องๆพอที่จะจิตนาการออกหรือปล่าวครับ

หากว่าท่านจำเป็นต้องเปลี่ยนไม้ Plank ในอีก 7 ปีข้างหน้าท่านคิดว่ามันจะยากลำบากขนาดไหน
   1.- ท่านจะต้องรื้อไม้เก่าออกก่อน  ( นกก็จะถามว่า ไม้เกาะของข้าน้อยไปไหนกัน หว่า )
   2.-แล้วติดไม้ใหม่เข้าไปแทนที่ ( กลิ่นไม่เหมือนเดิม แล้วลูกเรามันจะจำได้หรือปล่าวว่าอยู่ตรงนี้
   3.-ติดลำโพงแล้วก็สายลำโพงใหม่  ( ค่อยๆทำหน่อยพี่ ห้องข้างๆรำคาญนะ )
   4.-ระยะเวลาที่ใช้ในการทำงานในบ้านก ( ต้องลดเวลาทำงานให้สั้น เพราะได้เวลานกกลับ)
   5.-เสียงการทำงาน กลิ่น-ฝุ่นต่างๆ  ( สภาพแวดล้อม เริ่มน่าเป็นกังวลแล้วนะ )

ซึ่งมันเหมือนกับการเริ่มต้นใหม่เลย แล้วในระหว่างนี้นกของท่านจะรู้สึกอย่างไร เราๆท่านๆทั้งหลาย
คงจะเริ่มเห็นภาพบ้างแล้วนะครับ ไม่ง่ายเลย

ดังนั้นก่อนที่จะซื้อไม้ Plank ที่เป็นไม้เนื่ออ่อนคิดกันก่อน ทบทวนกันใหม่อีกที่จะดีหรือปล่าว

แล้วจะทำอย่างไร ทางเลือกก็คือไม้แข็งกลางนั้นแหละครับที่เป็นทางออก แต่ว่าอย่าลืมเรื่องความแห้งของเนื้อด้วยนะครับ

  ทางออกที่ดีที่สุด ในมุมมองของผม ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ของผมหรอกครับ เป็นความคิดของพี่ตูมเค้า 
พี่เค้าแนะนำว่าหมดปัญหาเรื่องการเปลี่ยนไม้แบบยาวๆๆ จริงๆๆ ไม่ต้องวุ่นวายตลอดอายุขัยเลยนะ


ให้เอา  ไม้เรือนเก่า มาทำเป็น Plank ให้นกเกาะ  เพราะว่าไม้มันอายุนานมาก


ไม้มันแห้งสนิท จึงไม่ค่อยมีการดูดความชื้นกลับเข้าไปในตัวอีกแล้ว จึงทำให้ไม้เก่าแทบจะไม่มีโอกาสขึ้นราหมดกังวลได้  ไม้เรือนเก่าจะเป็นไม้ที่หมดกลิ่นไปนานแล้ว จึงเป็นไม้ที่มีคุณสมบัติครบทุกประการ


     สำหรับบ้านนกใหม่ ที่เพิ่งสร้างเสร็จจะมีกลิ่นต่างๆซึ่งเกิดจากการก่อสร้าง เช่นกลิ่นปูน กลิ่นเหงื่อ
หากเพิ่มปัญหากลิ่นจากไม้ที่ยังไม่แห้ง หรือกลิ่นไม้ใหม่เข้าไปอีก ทำให้ยืดระยะเวลาที่จะได้นกใหม่ยากขึ้นอีก  กลิ่นไม้ใหม่จะค่อยจางไปในเวลา 1- 2 ปี   ระยะเวลาดังกล่าวนานเอาเรื่องกว่ากลิ่นจะจางคลายไปเองซึ่งเป็นการเสียโอกาสที่จะได้นกมาอาศัยที่ตึก (เป็นการผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ คาดไม่ถึง)


      มีข้อพึงระวังอีกอย่างก็คือเรื่องของฝุ่นที่เกาะติดไม้ ทั้งฝุ่นปูน ฝุ่นไม้ บางครั้งเราจะเห็นรอยรองเท้าติดอยู่ที่ไม้อยู่บ่อยๆ  ดังนั้นไม้ Palnk ที่ติดตั้งเสร็จก็แล้วควรที่จะทำความสะอาดซ้ำอีกรอบ เพื่อความ Sure

  ดังนั้นผมแนะนำว่า ให้ใช้ไม้เรือนเก่า ทำ Plank เท่านั้น  

      การหาซื้อไม้เก่าในจำนวนมากๆ แล้วก็ใช้ไม้หลากหลายขนาด หลายหน้า ให้ตรงตามต้องการใช้เป็นเรื่องทำยากเอาการกว่าผมจะหาไม้เก่ามาทำ Plank ได้เล่นเอาเหนื่อย ได้มาก็ไม่เพียงพอกับที่ต้องการใช้ ยุ่งยากเอาการเลยครับ เพราะว่าเราเป็นคนนอกวงการ ไม่รู้เรื่อง ไม่ประสีประสา

พอดีได้มีโอกาสมาเจอ Web นี้เข้าก็ง่ายเลยครับ  http://www.ประตูหน้าต่าง.com/ คุ้มค่า คุ้มเงินมากๆๆ หากว่าเราต้องทำงานไม้ Plank เองจะเป็นงานที่ใช้เวลา แล้วก็อาจจะทำได้ไม่ดีอีกด้วย

งานที่ยุ่งๆกำลังหนักใจอยู่หายไปหมดเลย  พอมาเจอที่นี้เข้า ยิ่งพอเค้ารู้ว่าเอาไปทำบ้านนก เค้าจัดการให้ดีมาก แต่บอกไว้นิดนะครับว่าไม้เก่าหายากหน่อย ราคาสูงนิดหน่อย และต้องแจ้งล่วงหน้าพอประมาณ ควรสั่งก่อนที่จะติดตั้งสัก 3 อาทิตย์ ทางร้านเค้าจะได้จัดการชิดไสไม้ กรีดร่องให้ท่านเสร็จ

  สรุปนกเลือกหรือตัดสินใจที่จะอยู่ เพราะชอบสภาพแวดล้อมเป็นหลัก มากกว่าที่จะเลือกไม้ 


ไปขอรูปเค้ามา 2-3 รูป ให้ดูเป็น Sample นะครับ






                               Enjoy
                             Vuthmail-Thailand


                                                                            

20/12/52

จุดเปลี่ยน

เมื่อวันที่ผมเริ่มทำ Blog เพื่อเผยแพร่ วันนั้นเป็นวันที่ผมตัดสินว่า ผมจะเลิกใช้การทำความชื้นด้วย Ultrasonic Humidifier ทั้งหมด ตัดใจที่จะยอมมองข้ามเงินทุน ที่ได้เสียไป รวมทั้งเวลาที่ได้ลงไปกับระบบนี้ และโอกาสที่จะได้นกเพิ่ม ในระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ยอมอดทนกัดฟันพยายามที่จะฝืนใช้ระบบนี้ต่อไป  จนในที่สุดผมต้องยอมรับความผิดพลาดด้วย การปิดระบบ Ultrasonicทั้งระบบทิ้งเป็นระยะเวลานาน 6 เดือน เพราะความไม่พร้อมของอุปกรณ์หัวหมอกย่อยเสียหายเกือบหมดเหลือที่ใช้ได้เพียงไม่กี่ตัว ไม่กี่ตัวจริงๆครับ




ด้วยความจุกจิกตลอดเวลาเกือบ 2 ปี ที่จะต้องหมั่นเข้าไปดูแลระบบเพื่อให้ Ultrasonic ทุกตัวทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ให้ดีอย่างสม่ำเสมอ ก็เริ่มเห็นปัญหาที่จะตามมา เค้ารางความยุ่งยากเริ่ม ก่อตัวมากขึ้นและก็เป็นจริงเพราะว่าปัญหาก็มากขึ้นเรื่อยๆๆ ความท้อใจของผม (ซึ่งดื้อรั้นอยากที่จะใช้ Ultrasonic) มีมากขึ้นๆเรื่อยๆ  จนสุดท้ายต้องยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง และมุ่งหาทางแก้ไขใหม่


อย่างที่ผมได้บอกไปแล้วในบทก่อนว่า ผมไม่เลือกใช้ระบบ Nozzle เพราะทำเองไม่ได้ ทำเองไม่เป็นและปัญหาของตัวระบบเองที่จะต้องเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์มากมายหลายตัว หลายจุด พร้อมทั้งจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการทำแต่ละชั้น ซึ่งเป็นการรบกวนนกที่อยู่ภายในตึกอย่างมากพร้อมทั้งตัดโอกาสที่จะได้นกใหม่ที่จะบินเข้ามาสำรวจภายในตึก ทางนี้ผมจึงมองว่าต้องตัดออกไปอย่างไม่มีทางเลือก


ซึ่งทางเลือกที่เป็นทางออกของผมก็เหลือเพียงระบบ Blade Humidifier ที่เป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่และผมจะผิดพลาดอย่างที่ผ่านมาไม่ได้อีกแล้ว  การเดิมพันครั้งนี้ของผมมีทางให้ผมเดินเพียงทางเดียวเท่านั้น เป็น Fight บังคับแล้ว หนีไม่ได้ หลบก็ไม่ได้แล้ว ทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือมุ่งหน้าไปในเส้นทางที่เหลืออยู่ทางเดียวนี้แหละ แต่ว่าเราจะต้องทำให้ดีที่สุด ได้ผลที่สุด


การที่จะทำให้ดีที่สุด ได้ผลที่สุด ก็คือต้องคิดให้หนักๆ คิดทบทวนหลายๆๆครั้ง คิดรอบครอบถี่ถ้วน หาสินค้าที่ราคาไม่แพงมากนัก ประสิทธิภาพสูง สินค้าหาได้ง่าย ซ่อมบำรุงได้เอง ผมใช้เวลาใน เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างมากครับ ในที่สุดผมก็ฟันธง ก็สินค้าตัวใหม่นี้ที่มาจาก Taiwan เสี่ยงอีกแล้ว แต่การตัดสินใจครั้งนี้ ผมทำถูกที่ได้ตัสินใจเสี่ยงที่จะเลือกสินค้าตัวนี้จาก Taiwan เพราะเสียงเบามาก ทำหมอกได้ดี-แต่เดิมพันนี้เพิ่งเริ่มครับ


เงินเดิมพันยิ่งสูงเมื่อผมตัดสินใจสั่งซื้อรวมทั้งหมด 14 ตัวในราคาตัวละ 6,500 บายยังไม่รวมVAT
วันนี้ 19.12.52 ผมนำเครื่องทั้งหมดไปที่ตึกนกเพื่อทำการติดตั้ง ใช้งานจริงภายในตึก สถานที่จริง เพื่อสรุปผลให้เห็นผลกันอย่างจริงจัง


เริ่มต้นด้วยติดตั้งอุปกรณ์  ต่อสายยางเข้าถาด  ติดระบบต่างๆให้เสร็จ แล้วก็เสียบปลั๊ก ทำไปทีละตัว
ค่อยทำไปเรื่อยๆ เพราะว่า ตึกของผมค่อนข้างจะใหญ่  โดยผมวางแผนการใช้เครื่องดังต่อไปนี้

      - ชั้นที่3-ชั้นบนสุด ผมติดตั้งไป 7 ตัว 
      - ชั้นที่2-ผมติดตั้งไป เพียง 5 ตัว
      - ชั้นที่1-ผมติดตั้งไป เพียง 2 เท่านั้นเองผม

เมื่อติดตั้งชั้น 3 เสร็จทั้งหมดแล้ว ต่อมาก็ต้องทดลองกันหน่อยละครับ ผมทดลองเปิดดูพร้อมๆกันทั้ง 7 ตัว นาน 15 นาที แล้วปิดระบบทั้งหมด ก็ถึงเวลาเข้าไปวัดความชื้นแล้ว แหมมันชั่งระทึกใจเหลือ
เกินครับเมื่อเปิดประตูออกมา เปิดไฟฉายขึ้นส่อง สิ่งที่เกิดขึ้น ----   ผมตกใจ กึ่ง ดีใจมากๆๆๆๆๆ


  เหมือนเราเดินอยู่บนสวรรค์เลยครับ    



มีหมอกสีขาวลอยอยู่รอบๆๆตัว โปะเชะครับ (แอบคิดในใจ)  เมื่อเดินไปที่ Hygro Meter ก็ส่องไฟ
ไปดูความชื้นไปที่ 88% Rh ครับ แล้วก็ทำการทดลองใหม่อีกครั้ง โดยจากเปิดประตูออกเพื่อที่จะระบายหมอกทิ้งไป แล้วจากนั้นจึงเริ่มทำใหม่อีกรอบด้วยระยะเวลาเท่าเดิมคือ 15 นาที แล้วทำการปิดระบบแล้วดูผลลัพท์ เหมือนอยู่บนสวรรค์อีกเช่นเดิม แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ ความชื้นขึ้นไปที่ 91%




ซึ่งค่าที่วัดได้ทั้ง 2 ตัวนี้เป็นค่าความชื้น ณ.ระดับพื้นราบ งานนี้โชคเข้าข้างผมแล้ว เมื่อความชื้นระดับพื้นล่าง สอบผ่านแล้ว เราก็จะทดสอบเพื่อดูว่าหมอกในระดับที่สูงจากพื้นขึ้นไป เริ่มติดตั้ง Hygro Meter ที่ระดับความสูง 3.4 เมตรจากพื้นราบ ไม่ใช่ 4 เมตรตามที่ระบุใน Clip แหมก็อย่างที่บอกนะครับ ไม่ได้ตระเตรียมอะไรไว้ล่วงหน้า พูดกันสดๆตลอด ก็เลยผิดพลาดไป





ความชื้นที่วัดได้เมื่อเปิดระบบนาน 15 นาที




แต่ยังไม่จบแค่นี้นะเรายังทำการเปิดระบบต่อไปยืดเวลาออกไปอีกประมาณ 10 นาที ความสูงเพิ่มขึ้นไปที่ประมาณ 3.8 เมตรและ 5 นาทีสุดท้ายความสูงเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 4.10-4.20 เมตรครับ ซึ่งเป็นความสูงที่ตรงใจผมอยากให้ไอหมอกพุ่งขึ้นสูงที่ระดับความสูงแถวๆนี้แหละ

อีกอย่างหนึ่ง หากว่าท่านสังเกตุได้ก็คือ Hygro Meter อยู่ติดกับเสามากเกินไป เลยทำให้อากาศผ่านได้น้อย ดังนั้นค่าที่วัดอุณหภูมิ ความชื้นอาจจะต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่รับรองได้ว่าไม่ต่ำกว่านี้แน่

หากว่าจะรับชมให้ได้รายละเอียดมากขึ้น ดูแบบ Full Screen จะเห็นหมอก-ไอน้ำได้ชัดมาก




ปริมาณหมอก-ไอน้ำที่ไหลออกจากห้องที่นกทำรัง



สาเหตุที่ผมจำเป็นต้อง Modify ใบพัดใหม่เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้มากกว่าใบเดิมให้สามารถพัดอากาศที่มีไอน้ำหรือมีความชื้น (ซึ่งละอองน้ำจาก Blade Humidifier จะหนักกว่าอากาศปกติ) ให้ลอยขึ้นสูงไปที่ระดับ 4.10-4.20 เมตร เพราะตึกผมค่อนข้างสูง 4.6 เมตร จากพื้นถึงเพดาน-ซึ่งเป็นความสูงที่มากกว่าของชาวบ้านชาวเมืองเค้านั้นเองเป็นประเด็นหลัก

ตรวจสอบความแห้งของพื้น หลังจากเปิดระบบทำหมอกนาน 30 นาที ผลก็คิอ แห้งสนิทจริงๆๆ




ภาพทั้งหมดอาจจะไม่ชัด เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจว่าจะถ่าย Clip ไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นช่วงแว็บเดียว นึกได้ว่าติดกล้องมาด้วยก็เลยเอามาถ่าย Clip ไว้แต่ไฟอาจจะไม่เพียงพอภาพอาจจะมืดไปนิด เร่งแสงสว่างที่หน้าจอให้มากขึ้นก็คงจะช่วยได้

Vuthmail-Thailand                         

18/12/52

วันนี้ผม ผ่าเครื่องออกมาให้ดู เห็นกันชัด

สำหรับคนที่ไม่ค่อยรู้จักเครื่องจักรเครื่องกล 

ผมเองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่จะทำอย่างไรได้ครับ เพราะว่าเราต้องอยู่กับเค้าอีกนาน อย่างนั้นต้องมาทำความรู้จักกันเสียหน่อยแล้ว ตามผมมาเลยวันนี้ผม ผ่าเครื่องออกมาให้ดู เห็นกันชัด เครื่องเคลาภายในเป็นกันอย่างไรบ้าง

  ดูกันให้ชัดๆๆ    



                                                                Enjoy

                                                          Vuthmail-Thailand 

16/12/52

การทดลอง Modify ใบ Blade Humidifier ของไต้หวัน

เมื่อได้ Humidifier ของไต้หวันมาก็จะต้องทำการทดลองประสิทธิภาพกันหนักหน่อย

เมื่อเปิดโดยใช้ใบเล็กแบบเดิมๆ ความสูงที่ได้ระดับ 0.75 เมตร ดูจากภาพ






เมื่อ Modify ใบเล็กแล้ว ความสูงที่ได้ขึ้นไปที่ 1.50-1.60 เมตร ขึ้นจากเดิมมา 100%   เหมาะกับบ้านนกความสูง 2.5 เมตร





เมื่อทำใบเล็กเสร็จแล้วก็ มันส์กันใหญ่ ลืม Clip ความสูงเดิมของใบพัดใหญ่ ก่อนที่จะ Modify ใบ  ก็เลยขออนุญาติข้ามไปดูการให้หมอกของใบใหญ่ที่ Modify เลย เมื่อเปิดเครื่องใบใหญ่ที่ Modify แล้ว ความสูงครั้งแรก ในห้องปิดทึบรอบด้าน ที่ระดับความสูง 2.55 เมตร ถึงท้องเพดาน ไม่เพียงพอต่อการทดสอบ ดูจากภาพ




ทดสอบกันในความมืดแล้ว เห็นหมอกได้ คราวนี้มาเปิดไฟดูกันนะครับ



VDO 2 ตัวด้านบนนี้ให้จับสังเกตุ ความเงียบของเครื่องทำความชื้น เทียบ เสียงคนพูดสนทนากัน ในขณะที่ความชื้นอยู่ หมอกพุ่งขึ้น แล้วม้วนตัวลงเป็นสายเป็นลำอลหม่าน ด้วยความแรง ใบพัดที่ส่งขึ้นไป แต่เสียงเครื่องไม่ค่อยจะดังเท่าไหร่ (ดังน้อยกว่าที่ควรจะเป็น)


ภายในห้องที่ทดลองเป็นห้องปิดทึบ เพดานต่ำ 2.55 เมตร ไม่พอกับการ ทดลองจึงได้เปลี่ยนสถานที่ไปที่โล่งกว้างกว่าเดิม เพดานบนสูงไปถึง 4.8 เมตร ให้สังเกตุระดับท้องคานที่ติดหลอดไฟไว้ ที่ความสูง 3 เมตร  หมอกพุ่งตัวสูงขึ้นไปหาหลอดไฟที่ความสูง 3 เมตร  ภายหลังเปิดทำงานได้ประมาณ 15-20 นาที ใบที่ Modify ใหม่กินลมมากกว่า แรงส่งสูงกว่า และ กินน้ำมากกว่า 4 ลิตรต่อช.ม.

15/12/52

เรื่องของเสียง ระดับมือทอง

ผมมีตัวอย่างเสียงที่เป็นเสียงเดิมๆๆ อยู่ 2 เสียง

เสียงแรกเป็นเสียงที่คุณ Nathansjam เค้าบอกว่าเรียกนกได้ดี แต่เสียงไม่ใส
เสียงที่2 เป็นเสียงที่มาจากภาคใต้  ซึ่งมีเสียงแทรก เสียงแปลกๆที่ไม่ควรมี
เสียงทั้ง 2 นี้ได้รับการแก้ไข Modify ใหม่โดยคุณมือทองแก้ไขเสียงที่ไม่พึง
ประสงค์ออกไปให้เหลือแต่เสียงใสๆๆ ฟังสบายๆๆ เปรียบเทียบดูกันเองนะครับ
ว่าเสียงเดิมกับเสียงที่ Modify ใหม่เสียงไหนจะดีจะคมกว่ากัน 

ผมอยากให้ฟังเองมากกว่า ฟังหลายครั้งจะเข้าใจได้เองครับ ไม่ต้องอธิบาย 

เสียง Nathansjam แบบเดิมๆๆ จะมีเสียง ฮืงๆๆ เหมือนเสียงครางตลอดเวลา





 เสียง Nathansjam ที่คุณมือทองแก้ไขแล้ว เสียงครางหายไปเลย ฟังสบายหูขึ้น




เสียงต่อไปนี้เป็นเสียงของเพื่อนผมที่อยู่ทางภาคใต้
เสียงแบบเดิมๆๆจะมีเสียง ตุกตักๆๆ เป็นระยะๆๆ เหมือนเสียงตกร่อง ฟังแล้วหนักใจกับเสียงอย่างนี้





เสียงที่ได้รับการแก้ไขแล้ว เสียงตกร่อง เบาลงไปมากๆๆ แถบไม่รู้สึกว่ามีเสียงตกร่องอยู่เลย




แผ่น CD ที่มีการ Copy หลายๆครั้งจะเกิดอาการที่เป็นอยู่นี้ ถึงแม้ว่าจะใช้ Master-CD หรือ
ต้นฉบับตัวเดิมที่ใช้อยู่ตลอด แต่ตัว Copy ที่ได้เกิดอาการอย่างนี้ก็เป็นเรื่องลำบากสำหรับคนที่ซื้อ
ไปใช้ ผมก็เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เหมือนกัน ซื้อ CD จากปากพนังมาหลายบาทเปิดมามีอาการ
เกิดเสียงคราง ผมก็โทรไปขอเปลี่ยนเค้าก็เปลี่ยนให้ แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิมเค้าบอกว่าไม่รู้จะแก้ไข
อย่างไรเพราะว่ามี Master อยู่แผ่นเดียวเท่านั้น สรุปจ่ายเงินซื้อเสียงครางมาเปิดให้นกฟัง 555555

จนได้ไปเจอคุณมือทอง Modify เสียงให้ แก้ปัญหาเสียงครางเสียงที่ไม่เพิ่งประสงค์ออกได้เกือบ
ทั้งหมด เสียงก็ดีขึ้นมากๆ ต้องชมว่าฝีมือการแก้เสียงเยี่ยมมาก ทำให้เสียงใสขึ้นได้ เสียงคมชัดขึ้น

หากว่าใครมีเสียงหรือมีแผ่น CD ที่ต้องการให้แก้ไขเสียงหรือต้องการทำ Remaster เก็บไว้ใช้
นานๆ  บอกผมมานะครับจะได้นำแผ่น CD ให้ไปคุณมือทองแก้ไขให้ อาจจะมีค่าใช้จ่ายบ้าง แต่คุ้ม

เดี่ยวนี้ไม่ต้องทำ Audio-CD แล้วครับ  คุณมือทองทำเป็น MP3 หรือ File เสียงได้หลายแบบ
ใส่ใน Thum Drive หรือ SD-Card ใช้เล่นกับ USB-Port ได้เลยสะดวกกว่าแต่ก่อนมาก

Vuthmail-Thailand  

ทดลอง Blade Humidifier ตัวใหม่จาก Taiwan

วันนี้ผมได้มีโอกาสทดลอง Blade Humidifier ตัวใหม่ที่ผลิตจากโรงงานที่ Taiwan

ผมว่าตัวนี้ดีมากครับ

จุดเด่นที่สำคัญคือความเงียบในขณะที่ทำงาน และให้หมอกมาก ไอน้ำพุ่งสูง เหมาะสมบ้านนกหลังใหญ่ และบ้านนกที่มีเพดานสูง ให้ความชื้นได้รวดเร็วดี

อาจจะมีเสียงแทรกเข้ามาบ้าง เพราะติดเสียงรถจากถนนใหญ่วิ่งตลอดเวลา







10/12/52

ไม้นกเกาะชึ้นรา เนื่องจากเครื่องทำความชื้นแบบใบพัด


อย่างที่ผมเคยบอกไว้นะครับ เรื่องไม้เกาะ หรือ Plank ขึ้นรา อันเนื่องมาจากเครื่องทำความชื้นแบบใบพัดที่สร้างปัญหาไว้ให้ท่าน

มาดูกันให้ชัดๆๆ หน้าตาเครื่องเป็นแบบนี้

บ้านนกที่มีเพดานต่ำกว่า 3 เมตรจะเกิดปัญหาไม้เกาะขึ้นรา เพราะว่าเจ้าเครื่องทำความชื้นแบบนี้ใบพัดจะทำงานโดยเป่าละอองน้ำขึ้น  หากว่าใช้ใบพัดใหญ่ลมที่พัดออกมาก็จะแรงและขึ้นสูง ทำให้ไม้เกาะชื้นและเกิดเชิ้อราขึ้น  ส่วนใบพัดเล็กก็ปัญหาน้อยลงไปหน่อย

หากว่าท่านต้องปวดหัวกับเรื่องนี้ ทำใจให้สบายได้แล้วครับ

   ผมมีวิธีมาแนะนำให้เพื่อนๆๆแล้ว    

เนื่องจากผมมีเพื่อนชาว Singapore ที่ไปหาทำมารับประทานอยู่ Canada ชื่อ Charles (ชาร์ลว)
กำลังจะเกษียณแล้ว  จึงเริ่มมาสร้างบ้านนกที่เพชรบุรี เพื่อเป็นอาชีพหลังเกษียณ 

เค้าแก้ปัญหาได้น่ารักมากครับ

โดยเค้านำเอาขวดพลาสติกมา ตัดหัว-ตัดท้ายออกก่อน  จากนั้นก็จะผ่าแบ่งครึ่งซีกอีกที เหมือนผ่าแตงโมอย่างไงก็อย่างนั้น  จากนั้นก็นำขวดที่ได้นี้ไปยึดติดเข้ากับส่วนที่เป็นหูหิ้วของเครื่องทำความชื้น เจ้าขวดพลาสติกที่ว่านี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องกั้นความชื้นไม่ให้พุ่งขึ้นไปที่เพดาน ไม้เกาะก็จะไม่เปียกและไม่ขึ้นรา  วิธีการของเค้าง่ายๆ ง่ายจริงๆๆ ผมเห็นแล้วก็ร้องอ๋อเลย  เส้นผมบังภูเขา 555



  วิธีแก้ไขในรูปแบบอื่นมีหรือปล่าว  "คำตอบที่ได้ ก็คือ ยังมีอีกวิธี " ซึ่งก็ง่ายๆๆ อีกเหมือนกันครับ 

  • วิธีแก้ไขตามวิธีนี้ก็คือการลดความกว้างของใบพัดที่กินลมให้เล็กลง โดยตัด-ลด พื้นที่หน้าตัดของใบพัดส่วนที่กินลมเล็กลงนั่นเอง  ซึ่งก็จะทำให้ปริมาณลมได้ลดลง ความสูง ความแรงของละอองน้ำก็จะลดน้อยถอยลงไปด้วย

สิ่งที่สำคัญก็คือต้องพยายามรักษาส่วนโค้งส่วนเหว้าให้เหมือนเดิม  ค่อยๆตัดใบพัดออกทีละ 0.5 เซนติเมตรก่อน  แล้วนำใบพัดที่ตัดนี้ไปทดลองใส่แล้วทดลองเปิดดู หากลมยังแรงอยู่ก็ค่อยๆตัดออกใหม่ จนแน่ใจว่าได้ลมและความสูงเป็นที่พอใจแล้ว ก็เกิดตัวต้นแบบนี้เอาไว้เป็นแบบ


ผมขอแนะนำว่าให้ทดลองทำกับใบพัดสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน มาตัดทดลองดูก่อน เพราะหากว่าเอาใบจริงที่ใช้งาน มาตัดเลยแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแล้วก็.....เอวังกันเลย  ดังนั้นควรใช้ใบสำรองมาทดลองตัดดูก่อน หากว่าผิดพลาดก็ยังไม่เสียหาย เพราะว่ายังมีใบพัดจริงให้ไว้ใช้ต่อไปได้

   หวังว่าท่านคงได้ประโยชน์บ้างจาก Idea ทั้ง 2 แบบนี้นะครับ  

                                                                                     Vuthmail-Thailand

7/12/52

Back to Basic

  • หัวข้อนี้ก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่ธรรมดาๆๆ แต่เป็นปัญหาที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
  • กฎเหล็ก ตัวแปร 3 ตัวแปรหลักที่สำคัญที่สุด อุณหภูมิ ความชื้น ความมืด
  • ความมืดเป็นอะไรที่ทำได้ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ หลีกเลี่ยงแสงให้มาก โดยหันช่องนกเข้าออกไปทางที่มีแสงน้อย หากว่าเลี่ยงไม่ได้ก็จำเป็น หันไปทางที่สะดวก ส่วนเรื่องแสงที่เข้าก็ค่อยหาวิธีการจัดการเอาตามที่ควรจะเป็น เช่นการทาสีดำที่ผนังหรือกำแพงเพื่อช่วยลดแสง ทำกำแพงกั้นแสงไม่ให้แสงส่องเข้ามามากเกินไป เลือกใช้ Plank หน้ากว้างทำเป็นไม้เกาะ หรือการเปลี่ยนขนาดช่องเข้าออกให้แคบลง แต่ต้องไปเพิ่มความยาวของช่องเข้าออกให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อบีบแสงให้เข้ามาได้น้อยลง แต่ว่านกจะเข้าออกได้หลาย Lane มากขึ้น
  • แสงแดดตอนเช้าหรือตอนเย็นส่วนมากส่งผลต่ออุณหภมิ และความชื้นในบ้านนกไม่มากเท่าไหร่ครับ มีผลบ้างแต่ไม่มาก ไม่ควรกังวลมากจนเกินไป แต่แดดตอนกลางวันนี้แหละตัวสำคัญที่จะทำให้ อุณหภูมิความชื้นในตึกได้เปลี่ยนแปลงได้มากกว่า ดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับแดดช่วงนี้มากกว่า หากว่าเป็นตึกนก บ้านนกที่เป็น Stand Alone โดนแดดเผาตลอดเวลาจนกว่าพระอาทิตย์จะตก ดังนั้นการจัดการกับอุณหภูมิ ความชื้นจะต้องมีเครื่องมือเข้ามาช่วยก็ตอนนี้แหละครับ เพื่อเป็นการแก้ไข อุณหภูมิความชื้นที่สูญเสียไป










  • ดังนั้นเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทเพื่อทำหน้าที่แทนธรรมชาติ เช่น เครื่องทำความชื้น ซึ่งก็มีอยู่มากมายหลายรูปแบบครับ เช่น ระบบการทำความชื้นผ่าน Pump ผ่านหัวฉีด Nozzle ซึ่งผมก็ไม่เคยใช้หรอกครับ และตั้งใจว่าจะไม่ใช้ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะในมุมมองของผมรู้สึกว่ามันจะสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา เพราะว่าน้ำก็ต้องบริสุทธิมาก ต้องผ่านการกรอง เพื่อจะไม่ทำให้เกิดการอุดตันของหัวฉีด หรือหยดน้ำที่ค้างอยู่ที่ปลายหัวฉีดจะสร้างตะกรันทำให้หัวฉีดอุดตันเช่นกัน การควบคุมระบบหัวฉีดก็ยากที่จะต้องมีการลดขนาดของท่อลงตามความยาวที่มากขึ้น เพื่อจะ Balance แรงดันให้หัว Nozzle ฉีดน้ำได้ทุกตัวทุกจุด หากว่าไม่ทำการ Balance แรงดันหัวฉีดที่อยู่ใกล้ปั้มแรงดันจะสูงเกินไป-ฉีดน้ำแรงและมากเกินไป ส่วนปลายๆสายก็เป็นระบบน้ำหยดแทนที่จะเป็นระบบฉีดน้ำ ยิ่งยาวมากก็ยิ่งลดขนาดท่อน้ำให้เล็กลง ซึ่งเป็นเรืองยากในการ Balance แรงดันให้เท่ากันๆ ทุกจุด จึงเป็นสาเหตุที่ไม่เลือกใช้ระบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะเรายังไม่มีความเข้าใจใน Technic เหล่านี้ ทำเองไม่ได้ ก็เลยไม่อยากเสี่ยงลงทุน
การดูแลรักษาก็ทำได้ยาก เพราะจะต้องติดตั้งไว้ให้สูงจากพื้นมาก
  • แต่ก็มีข้อดีของระบบนี้อยู่เหมือนกันคือทำความชื้นได้เร็วกว่า ลดอุณหภูมิได้รวดเร็วมาก











      ระบบต่อมาก็คือการใช้ เครื่องปั่นละอองไอน้ำ แบบหนีศูนย์กลาง ประเภทที่ใช้พัด (หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า) Blade Humidifier ที่มีขายกันอยู่ทั่วไป ซื้อได้ง่ายสะดวกกว่าระบบ Nozzle มีหลายรุ่นจากหลายประเทศ ราคาก็หลากหลายเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ 6,000-6,500 บาท (บางตัวมาจากอิตาลี ราคาพุ่งไปอยู่ที่ 45,000-65,000 แพงไป 8-10 เท่า) การติดตั้งก็ง่ายสะดวก ต่อสายยาง เสียบปลั๊กก็ทำงานได้เลย การบำรุงรักษาถือว่าทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องใช้ Pump แรงดันน้ำปกติก็ใช้ได้ สามารถถอดออกเป็นชิ้นๆได้และประกอบกลับได้เองไม่ต้องมีความรู้อะไรมากมาย ส่วนน้ำที่ใช้เป็นน้ำที่ไม่ต้องกรองผ่าน Filter น้ำที่มีขี้นกปนอยู่ก็ยังใช้ได้ เครื่องแบบนี้ทำงานได้อึดพอสมควร แต่ว่าเรื่องความสูงของละอองน้ำนี้ยังกำหนดได้ยาก โชคดีที่เครื่องแบบนี้จะมีใบพัดให้มา 2 ขนาด ใบเล็กกินลมน้อย ความสูงที่ละอองน้ำก็จะต่ำกว่าใบใหญ่ที่กินลมมาก ละอองน้ำลอยขึ้นสูง (ซึ่งใบพัดใหญ่อาจจะทำให้เกิดเชื้อราบนไม้เกาะได้ แต่ยังพอมีวิธีแก้นะครับ) จุดด้อยของตัวนี้ก็คือเรื่องของเสียงที่ดังมาก และเรื่องการกำหนดความสูงของละอองน้ำไม่ได้ นอกนั้นผมว่าสอบผ่านหมด

      • ระบบต่อมาก็เป็น Ultrasonic ซึ่งเป็นระบบที่ใช้การสั่นสะเทือนของหน้าหมอกประมาณ 1.7 ล้านครั้งต่อนาที ซึ่งทำให้น้ำเกิดการแตกตัวเป็นละอองเล็กๆๆ เป็นละอองไอน้ำละเอียด และนำเอาพัดลมมาเป่าละอองน้ำก็จะลอยขึ้นสูง ระบบนี้ก็เป็นระบบที่ดีระบบหนึ่งนะครับ การบำรุงรักษาก็ง่ายสะดวก สามรถทำเองได้ มีแหล่งขายแถวสะพานเหล็ก ระบบนี้จะมีจุดด้อยเรื่องคุณภาพของตัวน้ำ หากว่าน้ำมีสิ่งเจือปน ก็ทำให้ตัวหน้าหมอกเกิดเป็นคราบตะกรัน คราบตะกรันนี้จะทำให้ประสิทธิภาพการทำหมอกด้อยลงไป ทางแก้ไข ทำก็คือเอาแปรงสีฟันไปขัดๆ ที่หน้าหมอกให้สะอาด ก็ใช้ต่อไปได้ แต่จะประสิทธิภาพจะลดลงไปเรื่อยๆตามกาลเวลา จากประสบการณ์จริงที่ใช้อย่างจริงจังในตึกของผมเอง ระบบนี้จะใช้ได้ประมาณ 1-2 ปีก็ต้องเปลี่ยนหน้าหมอกใหม่ทั้งระบบ
      • ข้อดีระบบนี้ ก็คือน้ำไม่ต้องกรองผ่าน Filter แรงดันน้ำปกติก็ใช้ได้และระบบ Ultrasonic จะใช้ดีในหน้าหนาวเนื่องจากว่าระบบนี้จะเพิ่มความร้อน เพิ่มอุณหภูมิในบ้านนกขึ้น 1-3 องศา แต่ไม่เหมาะสมที่จะใช้ในหน้าร้อน เพราะจะทำให้ภายในตึกเกิดความอบอ้าวมากๆๆๆ ข้อดีอีกประการคือสามารถทำได้เอง ราคาต่อชุดอยู่ราว 4,500 บาท
      • จุดเปราะของระบบนี้อีกอย่างก็คือ การผุ กร่อนของชุดทำหมอก ดังนั้นก่อนใช้หัวหมอกจะต้องทาสีเคลือบ เพื่อป้องกันสนิมที่จะกัดกินเนื้อเหล็กของหัวหมอกจนเสียหาย แต่รับรองได้ว่าในระยะ 1-2 ปี ท่านจะต้องจ่ายเงินซื้อหน้าหมอกหรือแผ่นทำหมอกใหม่ทั้งระบบเพราะคราบตะกรันที่เกิดจากขี้นก เนื่องจากละอองไอน้ำจะไปละลายขี้นก ทำให้ขี้นกไหลย้อนลงกลับมาอยู่ในอ่างน้ำ ทำให้น้ำมีขี้นกไปเจือปนอยู่ และขี้นกนี้เองที่เป็นตัวไปเปลี่ยนสภาพน้ำให้ทำให้น้ำเป็นกรดหรือด่าง ทำให้หน้าหมอกเกิดตะกรัน และกัดกินชุดหัวหมอกให้เสียหายในเวลาต่อมา







      เมื่อสร้างความชื้นจากเครื่องทำความชื้นเหล่านี้แล้ว สิ่งเราจะต้องคำนึงถึงก็คือความสัมพันธุ์ของความชื้นที่จะส่งผลต่ออุณหภูมิภายในตึกนก ซึ่งมีความสัมผัสกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เช่นหากว่าความร้อนในตัวตึกมีมาก  เมื่อเราเปิดเครื่องทำความชื้นแล้ว เครื่องทำความชื้นก็จะเกิดละอองน้ำและละอองไอน้ำนี้จะลอยขึ้นไปจับเอาความร้อนในอากาศรอบๆข้างเอาไว้  แล้วละอองน้ำนี้ก็ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ขบวนการนี้จะทำให้อุณหภูมิภายในตึกนกลดลง อากาศเย็นขึ้น
      แต่เมื่อทำความชื้นนานเกินไปละอองน้ำที่เป็นส่วนเกินก็จะมีจำนวนมากเกินไป จึงมีโอกาสที่จะให้อุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 25 องศาลงมาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเลยระดับอุณหภูมิที่นกชื่นชอบได้เช่นกัน
      • เช่นหากว่าอุณหภูมิลดลงมาก ต่ำกว่า 23 องศานี้ จะไม่เป็นการดีต่อแม่นกที่กำลังกกไข่ เพราะว่าแม่นกจะต้องใช้เวลาในการกกมากขึ้นกว่าเดิม เวลาหากินก็จะน้อยลงไปเพราะต้องเพิ่มเวลาฟักไข่ให้มากขึ้น เพื่อให้ไข่ได้รับความร้อนที่เหมาะสมกับการฟัก หากว่าอุณหภูมิลดลงมากเช่นนี้มีโอกาสทำให้ไข่นกเสียได้ หรือที่เรียกกันว่า "ไข่ลม" ที่ไม่ยอมฟักเป็นตัว
      • พ่อแม่นก ต้องเพิ่มเวลากกไข่มากขึ้นจึงมีเวลาหากินน้อยลง ร่างกายพ่อแม่นกย่อมอ่อนเพลียลงไป หรืออ่อนแอมากขึ้นนั้นเอง ไม่ควรให้เป็นเช่นนี้ แต่ในทางตรงข้าม ช่วงนี้พ่อแม่นกควรที่นะแข็งแรงที่สุด เพื่อให้พลังงานในการกกไข่ได้มากที่สุด
      • อีกทั้งอุณหภูมิที่ลดลงมากเกินไปนี้ จนทำให้อุณหภูมิในตึกกับนอกตึก ต่างกันมากถึง 5 องศา อาจจะส่งผมต่อสุขภาพของนกที่บินเข้ามาในตึก นกอาจจะเกิดอาการ Shock เพราะร่างกายของนกปรับตัวไม่ทัน  เพราะสภาพอากาศภายในตึกกับภายนอกตึกที่แตกต่างกันมากเกินไป นกที่บินออกไปหากินจะโดนแสงแดดร้อนมาทั้งวัน และกำลังเหนื่อยจากการบิน เมื่อมากระทบกับอากาศเย็นในตึกอย่างทันที  ปรับตัวไม่ทันก็จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี  นกไม่สบายหรืออ่อนแอได้เช่นกัน
      • เจ้าของตึกนก บางท่านบางคน อาจจะลืมประเด็นเหล่านี้ไปบ้างหรือปล่าว

      • ที่ผมหยิบยกเรื่องนี้มาพูดก็เพราะยังไม่เคยเห็นใครนำประเด็นนี้มาพูดกันเลย
      •                                                                                 Vuthmail-Thailand