เรื่อง Plank ไม้นี้เป็นเรื่องที่ค่ายทาง Indonisia กับ Malaysia เค้า Cheer ไม้ Plank ที่เค้าทำขึ้นกันน่าดูเลยครับ ตามที่เราเห็นๆกันอยู่ตาม Website ต่างๆมากมาย บ้านเค้าก็ไปกันไกลมากแล้วบ้านเราต้วมเตี้ยมกันอยู่เลย เฉพาะเรื่องไม้ก็เถียงกันจะเป็นจะตายเพราะว่าไปได้ต้นแบบจาก Eka ;
NestTech และอีกหลายต่อหลายค่ายที่คุยว่าไม้ของเค้าดีอย่างนั้นอย่างนี้ โดยเฉพาะ Eka เจ้ายุทธจักรของการขาย ขายทุกอย่าง แล้วก็ต้องของๆเค้าด้วยนะ รวยกว่าเรา
(คนที่ไปซื้อไม้เค้า) ไม่รู้กี่ร้อยเท่าแล้ว เราสร้างบ้านนกหวังรวย แต่เค้านะรวยไปก่อนแล้ว สาเหตุก็ต้องการขายไม้นั่นเอง เพราะว่าไม้เป็นอะไรที่ใช้ค่อนข้างมาก ในการทำบ้านนก ซึ่งเค้าก็ใส่ไข่กันเต็มที่เลย อ้างสรรพคุณกันเต็มสูบ ว่ากันไปเรื่อย ค่ายอื่นๆก็ได้ทีก็เล่นตามเลย ทำให้คนที่ไม่รู้ คนที่ไม่แน่ใจ ก็ตัดสินใจซื้อซื้อธรรมดาๆๆ แต่ในราคาที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ผมเคยถกเถียงเพื่อหาข้อสรุปกับพี่น้องๆพ้องเพื่อนๆหลายต่อหลายคน ความเห็นแตกต่างครับ หาข้อสรุปได้ยาก
- บางคนก็คิดว่าหากว่าจ่ายแพงแล้วได้ผลเร็วขึ้นก็ยินดี ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าได้ผลจริง หรือไม่อย่างไรผมก็ตอบไม่ได้ หากว่าท่านใดที่ได้ใช้แล้วดีบอกด้วยนะครับ จะได้เป็นความรู้ใหม่
- ส่วนตัวผมตอนแรกก็เกือบจะหลงกลไปเหมือนกันครับ แต่ว่าตัดสินใจไม่เอาดีกว่า เอาตามที่ตัว
เองทำได้เป็นหลัก คือว่า งก ไม่ยอมที่จะจ่าย Premium ส่วนนี้ให้กับต่างชาติต่างประเทศ เราอุด
หนุนคนไทยด้วยกันเองดีก่านะ
หลักของผมมีอย่างเดียวครับ Back to Basic อย่างเดียว โดยทำการเปรียบต่างกันในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในธรรมชาติ กับ สิ่งที่กล่าวอ้างกันค่ายต่างๆที่ชอบบอกว่า ไม้ของตนเองที่ใช้เป็นไม้ที่นกชอบ
ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ตามที่มีบทความต่างๆกันอยู่มากมาย ว่าไม้ Plank ให้นกเกาะจะต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง เช่นจะต้องไม่แข็งมาก แข็งพอประมาณ หากว่าเป็นไม้เนื้ออ่อนยิ่งดี จะทำให้นกเกาะได้ง่าย ถูกต้องทั้งหมด! ไม่มีใครผิดเลย
ที่วัดช่องลม สมุทรสาคร ท่านเห็นนกเกาะอยู่ที่ผนังปูนหรือไม่ครับ เกาะตามปูนปั้นซึ่งนูนขึ้น หรือเว้าลง หรือบ้านนกที่มีประชากรนกมาก นกเหล่านั้นก็อาศัยปูนเป็นที่เกาะ แถมยังทำรังได้เหมือนกัน
หรือแม้แต่ผนังถ้ำตามแกะแก่งต่างๆ นกก็อาศัยผนังถ้ำเหล่านั้นเป็นที่เกาะอาศัยอยู่ แล้วอะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้นกเหล่าอยู่ได้ แถมอยู่กันมากและอยู่มาก่อนที่จะมีการเริ่มใช้ไม้ที่โฆษณากันคือ
อะไรคือปัจจัย ช่วยคิดกันหน่อยครับ ..... Tik Tok Tik Tok
คิดกันก่อนนะครับ ห้ามแอบอ่าน
คิดกันอย่างไรกันบ้าง มีความเห็นอย่างไร ไม่ว่ากันครับ
แต่ในมุมมองของผมเอง ก็คือว่า นกไม่ได้สนใจ สิ่งเหล่านั้นเลย แต่ว่านกรู้สึกว่า สภาพแวดล้อมต่างๆ
ทั้งมีความปลอดภัยสูง อุณหภูมิความชื้นเป็นที่พอใจแล้ว ก็ตัดสินใจเลยว่าจะอยู่แล้วนะ มันจึงอยู่ที่
ฉันชอบที่ตรงนี้ ฉันตกลงใจแล้วที่จะอยู่ที่นี้ พอใจหละ
แล้วมีอะไรให้ฉันเกาะบ้าง มีผนังโบสถ์ปูนฉันก็จะเกาะผนังโบสถ์ มีผนังถ้ำฉันก็จะเกาะเพราะว่า
ฉันอยากจะอยู่ที่นี้ หากว่ามีไม้ก็ดี ฉันไม่สนหรอกว่าเป็นไม้อะไร ขอเพียงแต่ว่ามีที่ให้ฉันเกาะเป็นอันพอ แม้แต่อลูมิเนียมฉันก็ยังเกาะได้เลย
ฉันอยากจะอยู่ที่นี้ หากว่ามีไม้ก็ดี ฉันไม่สนหรอกว่าเป็นไม้อะไร ขอเพียงแต่ว่ามีที่ให้ฉันเกาะเป็นอันพอ แม้แต่อลูมิเนียมฉันก็ยังเกาะได้เลย
แล้วทำไมถึงต้องไปซื้อไม้ที่เค้าขายกันแพงๆ เสียเงินปล่าวๆ แต่ก็มีประเด็นให้คิดต่ออีกหน่อยนะครับ วัสดุที่จะนำมาทำที่ให้นกเกาะควรที่สามารถดูดซับน้ำลายนกได้พอประมาณ ไม่ใช้ป้ายน้ำลายแล้วแม่นกจะต้องรอกันอยู่นานกว่าน้ำลายจะแห้งเพียงพอจะยืดเกาะ หรือ ช่วยพยุงไม่ให้รังหลุดล่วงได้ง่าย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อไข่หรือลูกนกที่ยังบินไม่ได้ เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ
ประเด็นต่อมาก็คือ แล้วทำไมจะต้องเป็นไม้ เพราะสาเหตุอันใดน้อ อันนี้ในมุมของผม ก็คือว่าการใช้
ไม้มีสาเหตุเนื่องมาจากไม้สามารถดูซับน้ำลายแม่นกได้ดี สะดวกในการติดตั้ง การทำงานได้ง่าย ตัดแต่งได้รวดเร็ว พร้อมทั้งมีความแข็งแรงพอเพียงนั้นเอง ส่วนจะเป็นไม้เนื้ออ่อน ก็ทำให้นกเกาะได้สะดวก แต่อาจจะด้อยเรื่องความแข็งแรงไป ส่วนไม้ที่แข็งมาก ก็จะเป็นไม้ที่มีน้ำหนักมากด้วยเช่นกัน สุดท้ายก็จึงเป็นที่มาของการใช้ไม้ที่มีความแข็งปานกลางนั้นเอง น้ำหนักไม่มากเกิน ไม้อะไรก็ได้ครับ
ขอวกกลับมาเรื่องไม้เนื้ออ่อนอีกสักหน่อยนะครับ ไม้เนื้ออ่อนส่วนมากก็จะเป็นไม้ที่มีพรุนมากกว่า ดังนั้นพวกไม้ที่ประกาศขายตามค่ายต่างๆจะต้องเป็นไม้ที่อบแห้งแล้ว อาจจะใส่กลิ่นเข้าไปด้วยอันนี้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะว่าอย่างไรก็ต้องอบไม้ให้แห้งอยู่แล้ว เสียเงินอีกหน่อยโดยการใส่กลิ่นเข้าไปเพื่อดึงดูดให้คนส่วนมากคิดว่าน่าจะดี แล้วก็นำมาเป็นข้อดีที่เค้าประกาศขายอยู่นั่นเอง
แต่เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนที่ท่านจะติดสินใจซื้อไม้พวกนี้ ผมมีข้อคิดบางประการที่เพื่อนๆ พี่น้องๆอาจจะ
คิดไม่ถึงก็คือ การนำไม้เนื้ออ่อนที่มีรูพรุนมาก มาใช้ในบ้านนกที่มีความชื้นสูง ไม้ที่อบแห้งแล้วก็จะ
ดูดความชื้นกลับเข้าไปคืน เมื่อไม้ดูดความชื้นกลับเข้าไปนานวันขึ้นจะเกิดอะไรขึ้น พี่ๆน้องๆพอที่จะจิตนาการออกหรือปล่าวครับ
หากว่าท่านจำเป็นต้องเปลี่ยนไม้ Plank ในอีก 7 ปีข้างหน้าท่านคิดว่ามันจะยากลำบากขนาดไหน
1.- ท่านจะต้องรื้อไม้เก่าออกก่อน ( นกก็จะถามว่า ไม้เกาะของข้าน้อยไปไหนกัน หว่า )
2.-แล้วติดไม้ใหม่เข้าไปแทนที่ ( กลิ่นไม่เหมือนเดิม แล้วลูกเรามันจะจำได้หรือปล่าวว่าอยู่ตรงนี้
3.-ติดลำโพงแล้วก็สายลำโพงใหม่ ( ค่อยๆทำหน่อยพี่ ห้องข้างๆรำคาญนะ )
4.-ระยะเวลาที่ใช้ในการทำงานในบ้านก ( ต้องลดเวลาทำงานให้สั้น เพราะได้เวลานกกลับ)
5.-เสียงการทำงาน กลิ่น-ฝุ่นต่างๆ ( สภาพแวดล้อม เริ่มน่าเป็นกังวลแล้วนะ )
5.-เสียงการทำงาน กลิ่น-ฝุ่นต่างๆ ( สภาพแวดล้อม เริ่มน่าเป็นกังวลแล้วนะ )
ซึ่งมันเหมือนกับการเริ่มต้นใหม่เลย แล้วในระหว่างนี้นกของท่านจะรู้สึกอย่างไร เราๆท่านๆทั้งหลาย
คงจะเริ่มเห็นภาพบ้างแล้วนะครับ ไม่ง่ายเลย
ดังนั้นก่อนที่จะซื้อไม้ Plank ที่เป็นไม้เนื่ออ่อนคิดกันก่อน ทบทวนกันใหม่อีกที่จะดีหรือปล่าว
แล้วจะทำอย่างไร ทางเลือกก็คือไม้แข็งกลางนั้นแหละครับที่เป็นทางออก แต่ว่าอย่าลืมเรื่องความแห้งของเนื้อด้วยนะครับ
ทางออกที่ดีที่สุด ในมุมมองของผม ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ของผมหรอกครับ เป็นความคิดของพี่ตูมเค้า
พี่เค้าแนะนำว่าหมดปัญหาเรื่องการเปลี่ยนไม้แบบยาวๆๆ จริงๆๆ ไม่ต้องวุ่นวายตลอดอายุขัยเลยนะ
ให้เอา ไม้เรือนเก่า มาทำเป็น Plank ให้นกเกาะ เพราะว่าไม้มันอายุนานมาก
ไม้มันแห้งสนิท จึงไม่ค่อยมีการดูดความชื้นกลับเข้าไปในตัวอีกแล้ว จึงทำให้ไม้เก่าแทบจะไม่มีโอกาสขึ้นราหมดกังวลได้ ไม้เรือนเก่าจะเป็นไม้ที่หมดกลิ่นไปนานแล้ว จึงเป็นไม้ที่มีคุณสมบัติครบทุกประการ
สำหรับบ้านนกใหม่ ที่เพิ่งสร้างเสร็จจะมีกลิ่นต่างๆซึ่งเกิดจากการก่อสร้าง เช่นกลิ่นปูน กลิ่นเหงื่อ
หากเพิ่มปัญหากลิ่นจากไม้ที่ยังไม่แห้ง หรือกลิ่นไม้ใหม่เข้าไปอีก ทำให้ยืดระยะเวลาที่จะได้นกใหม่ยากขึ้นอีก กลิ่นไม้ใหม่จะค่อยจางไปในเวลา 1- 2 ปี ระยะเวลาดังกล่าวนานเอาเรื่องกว่ากลิ่นจะจางคลายไปเองซึ่งเป็นการเสียโอกาสที่จะได้นกมาอาศัยที่ตึก (เป็นการผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ คาดไม่ถึง)
มีข้อพึงระวังอีกอย่างก็คือเรื่องของฝุ่นที่เกาะติดไม้ ทั้งฝุ่นปูน ฝุ่นไม้ บางครั้งเราจะเห็นรอยรองเท้าติดอยู่ที่ไม้อยู่บ่อยๆ ดังนั้นไม้ Palnk ที่ติดตั้งเสร็จก็แล้วควรที่จะทำความสะอาดซ้ำอีกรอบ เพื่อความ Sure
สำหรับบ้านนกใหม่ ที่เพิ่งสร้างเสร็จจะมีกลิ่นต่างๆซึ่งเกิดจากการก่อสร้าง เช่นกลิ่นปูน กลิ่นเหงื่อ
หากเพิ่มปัญหากลิ่นจากไม้ที่ยังไม่แห้ง หรือกลิ่นไม้ใหม่เข้าไปอีก ทำให้ยืดระยะเวลาที่จะได้นกใหม่ยากขึ้นอีก กลิ่นไม้ใหม่จะค่อยจางไปในเวลา 1- 2 ปี ระยะเวลาดังกล่าวนานเอาเรื่องกว่ากลิ่นจะจางคลายไปเองซึ่งเป็นการเสียโอกาสที่จะได้นกมาอาศัยที่ตึก (เป็นการผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ คาดไม่ถึง)
มีข้อพึงระวังอีกอย่างก็คือเรื่องของฝุ่นที่เกาะติดไม้ ทั้งฝุ่นปูน ฝุ่นไม้ บางครั้งเราจะเห็นรอยรองเท้าติดอยู่ที่ไม้อยู่บ่อยๆ ดังนั้นไม้ Palnk ที่ติดตั้งเสร็จก็แล้วควรที่จะทำความสะอาดซ้ำอีกรอบ เพื่อความ Sure
ดังนั้นผมแนะนำว่า ให้ใช้ไม้เรือนเก่า ทำ Plank เท่านั้น
การหาซื้อไม้เก่าในจำนวนมากๆ แล้วก็ใช้ไม้หลากหลายขนาด หลายหน้า ให้ตรงตามต้องการใช้เป็นเรื่องทำยากเอาการกว่าผมจะหาไม้เก่ามาทำ Plank ได้เล่นเอาเหนื่อย ได้มาก็ไม่เพียงพอกับที่ต้องการใช้ ยุ่งยากเอาการเลยครับ เพราะว่าเราเป็นคนนอกวงการ ไม่รู้เรื่อง ไม่ประสีประสา
พอดีได้มีโอกาสมาเจอ Web นี้เข้าก็ง่ายเลยครับ http://www.ประตูหน้าต่าง.com/ คุ้มค่า คุ้มเงินมากๆๆ หากว่าเราต้องทำงานไม้ Plank เองจะเป็นงานที่ใช้เวลา แล้วก็อาจจะทำได้ไม่ดีอีกด้วย
งานที่ยุ่งๆกำลังหนักใจอยู่หายไปหมดเลย พอมาเจอที่นี้เข้า ยิ่งพอเค้ารู้ว่าเอาไปทำบ้านนก เค้าจัดการให้ดีมาก แต่บอกไว้นิดนะครับว่าไม้เก่าหายากหน่อย ราคาสูงนิดหน่อย และต้องแจ้งล่วงหน้าพอประมาณ ควรสั่งก่อนที่จะติดตั้งสัก 3 อาทิตย์ ทางร้านเค้าจะได้จัดการชิดไสไม้ กรีดร่องให้ท่านเสร็จ
สรุปนกเลือกหรือตัดสินใจที่จะอยู่ เพราะชอบสภาพแวดล้อมเป็นหลัก มากกว่าที่จะเลือกไม้
ไปขอรูปเค้ามา 2-3 รูป ให้ดูเป็น Sample นะครับ
Enjoy
Vuthmail-Thailand
4 ความคิดเห็น:
ที่ว่า แพง กว่า ไม้ใหม่ แพงกว่า แค่ไหน คะ
ราคาคงต่างกันประมาณ 20%-25% โดยประมาณครับ
เข้ามาเยี่ยมชม Blog ด้่วยคนครับ ดีครับช่วยกันเขียน ใครถนัดเรื่องไหนก็แบ่งปันเรื่องนั้น ๆ
บทความมีประโยชน์มากครับ
ยินดีมากครับคุณ วรชาติที่เข้ามาเยียมชมครับ
ฝากเพื่อนๆ ที่เห็นว่า Blog นี้แตกต่าง แต่ไม่แตกแยก นำ Link ไปแปะให้ด้วยนะครับ
ยังมีคนอีกมากที่ยังต้องการความรู้ แต่เป็นความรู้ที่แตกออกไป แล้วก็ส่วนมาเป็นจากประ
สบการณ์ที่ผมได้ลงมือทำเอง ลองผิด ลองถูก ตาม Style ของผม ไม่ขึ้นก็ใคร อยาก
ทำ อยากทดลองไปเรื่อยๆๆ
อีกอย่างผมว่า มีการอ่านตำรับตำรามามากพอแล้ว โยนทิ้งเสียบ้างแล้วมาลุยกันจริงๆ จะ
เป็นประโยชน์มากครับ ไม่ค่อยอยากเป็นนักวิชาการเท่าไหร่ ผมมันลูกทุ่ง
แสดงความคิดเห็น