21/1/53

กำแพง 2 ชั้น สิ่งที่อยากพูด อยากบอก

ผมนำเสนอเรื่องกำแพง 2 ชั้นครับ

กำแพง 2 ชั้นวัตถุประสงค์หลัก ก็คือการที่จะ Block หรือควบคุมสภาพอากาศภายในบ้านนก
ไม่ให้ความร้อนเข้า และควบคุมความชื้น เพิ่มการระบายอากาศในบ้านนก

ผมมีรูปแบบมานำเสนอให้ 2 รูปแบบครับ ลองดูกัน

แต่ผมไม่บอกว่าอะไรถูก อะไรผิดนะครับ แต่อยากให้เพื่อนๆช่วยคิดและได้แสดงความคิดเห็นกัน
เอาเป็นแบบว่าสนุกๆ แต่ว่าไม่ Serious อะไรนะครับ อีกอย่างผมอยากให้แสดงความคิดกัน
โดยอิสระครับ แต่ช่วยใส่ชื่อเสียงเรียงนามกันมาด้วย จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร

The foreigners who follow up my blog. You can also dicuss about double brick wall
to exchange with Thai friends here in comment box as below.



 ท่อ PVC ยาวในแบบที่ 2 (รูปทางขวามือ)  มีการใส่พัดลมเข้าไปอยู่ในท่อล่างที่อยู่ใกล้น้ำ เพื่อนๆ ลองคิดตามนะครับว่าความชื้นจากน้ำที่ระเหยเข้าไปอยู่ในท่อ แล้วน้ำกับไฟฟ้านี้มันเป็นอะไรที่เข้ากันไม่ได้เลยนะครับ  อีกประการหนึ่งพลังงานที่ใส่เข้าไปตอนเปิดพัดลม เพื่อเพิ่มการระเหยของน้ำผมว่าประสิทธิภาพมันไม่ค่อยคุ้มกันเท่าไหร่ครับ ซึ่งเปรียบเสมือนไปเร่งการระเหยของน้ำตามธรรมชาติขึ้นมาได้ขี้นมาอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ต้องเปิดพัดลมทั้งตึกเลยเพื่อจะเป่าลมลงไปที่ผิวหน้าน้ำเพื่อเร่งให้เกิดการระเหย แล้วถ้าหากว่าระยะห่างของปลายท่อกับน้ำอยู่ใกล้กันมากเกินไป ลมที่เป่าก็ออกมาได้น้อย (เพราะว่าท่อยาวแล้วพัดลมตัวเล็ก แรงอัดน้อย)  ยิ่งถ้าหากว่าน้ำท่วมเกินปากท่อสิ่งที่ตามมาก็คือ พัดลมเป่าลมไม่ออก ดันลมไม่ออก เสียพลังงานปล่าวๆ แถมอาจจะเสียพัดลมไปอีกหลายตัวเลย

  สิ่งสำคัญก็คือ ไฟฟ้ากับความชื้นนี้มันไปกันไม่ได้เลย    


หากว่าการใส่พัดลมให้เป่าน้ำ เพื่อขึ้นอัตราการระเหยของน้ำกับและลดอุณหภูมิจะทำได้เฉพาะตอนที่เปิดพัดลมเท่านั้น  แต่ในขณะที่ไม่ได้เปิดพัดลมหรือพัดลมเกิดเสีย -- อะไรที่จะตามมา --

  ผมว่าตัวพัดลมนี่แหละที่จะเป็นไปขัดขวางการไหลเข้าของลมมากกว่าครับ 

  อันนี้เป็นอีกมุมมองหนึ่งครับ ผมไม่ชี้ว่าอะไรถูก-อะไรผิด มันอยู่ที่การบริหารจัดการสิ่งที่มีอยู่ ผมอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันแสดงความคิดครับ เผื่อว่าจะเป็นแนวทางใหม่ให้กับคนที่ยังไม่ได้ทำบ้านนก หรือคนยังไม่รู้วิธีการในการออกแบบบ้านนกจะได้มีแนวทางหลายแนวทางไว้เปรียบเทียบกัน

   สิ่งทำผมทำนี้เป็นเพียงการมองจากอีกมุมหนึ่งเท่านั้น  ซึ่งผมอาจจะผิดก็ได้ หากเพื่อนๆได้คิด และนำความคิดไปต่อยอดได้ก็ดีครับ เหมือนกับที่ผมกำลังทำอยู่นี้ก็คือการให้ความรู้เป็นวิทยาทาน ใครเอาความรู้ของผมไปใช้ หรือ ไปต่อยอดได้ผมดีใจครับ แล้วช่วยกันขยายผลออกไปอีก ยิ่งดีใหญ่ ความรู้เรื่องบ้านนกของเราจะได้เท่าเทียมกับเพื่อนบ้าน

                                                                  How to manage is the KEY

                                                                      Vuthmail - Thailand

18 ความคิดเห็น:

Tweeter กล่าวว่า...

รูบที่ 1 ถ้าจะให้ได้ผล ระยะระหว่างสองกำแพงต้องห่างมาก
และควรมีวิธีที่จะทำให้อากาศ ระหว่างสองกำแพงนี้ ไม่ร้อนกว่า อากาศด้านนอกด้วย
เพราะความร้อนสะสม บนกำแพงด้านนอก จะทำให้อากาศระหว่างกำแพงสองชั้นนี้ (ถ้าช่องไม่ใหญ่มากพอ) ร้อนมาก

รูปที่ 2 ระยะระหว่างกำแพงสองชั้น ขั้นต่ำ ควรเป็น 15 ซม. เพื่อให้ อากาศ ระหว่างกำแพงเป็นฉนวน ไม่ให้ ความร้อนสะสม
เข้าไปในตัวตึก ถ้าอากาศระหว่างกำแพง สามารถ ถ่ายเทได้ ก็ยิ่งดีค่ะ ส่วนข้อดี ข้อเสียของพัดลม โนคอมเม้นท์ค่ะ

เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ ทุกคนมีสิทธิที่จะเห็นแตกต่างได้ค่ะ

Unknown กล่าวว่า...

แบบแรก หากว่าอากาศเริ่มร้อนมันก็ขยายตัวออกแล้วลอยออกที่ช่องบนไปก่อนที่ความร้อนจะเริ่มสะสมได้ครับ

รูปที่ 2 ผมก็ไม่ทราบว่าอากาศถ่ายเทได้อย่างไรครับ ปิดกั้นหมด ไม่มีทางให้อากาศออก จึงไม่เข้าใจที่คุณ Tweeter
เขียนไว้ว่า "" ถ้าอากาศระหว่างกำแพง สามารถ ถ่ายเทได้ ก็ยิ่งดีค่ะ ""

Unknown กล่าวว่า...

แล้วเพื่อนๆคิดว่าแบบไหนที่จะสามารถ ลดแสงในท่อได้ดี มีประสิทธิภาพมากกว่ากันครับ

Tweeter กล่าวว่า...

คิดว่าต้องเจาะรู ระหว่างกำแพง สองชั้นค่ะ
เหมือนเราต้องทำระแนงไม้ ใต้หลังคา ให้ อากาศในหลังคา ถ่ายเทได้ บ้านถึงจะไม่ร้อนค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ลม (wind) สาเหตุหลักของการเกิดลม คือ ดวงอาทิตย์ ซึ่งเมื่อมีการแผ่รังสีความร้อนของดวงอาทิตย์มายังโลก แต่ละตำแหน่งบนพื้นโลกได้รับปริมาณความร้อนไม่เท่ากัน ทำให้เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิและความกดอากาศในแต่ละตำแหน่ง บริเวณใดที่มีอุณหภูมิสูงหรือความกดอากาศต่ำอากาศในบริเวณนั้นก็จะลอยตัวขึ้นสูง อากาศจากบริเวณที่เย็นกว่าหรือมีความกดอากาศสูงกว่าจะเคลื่อนที่เข้ามาแทนที่ การเคลื่อนที่ของมวลอากาศนี้คือการทำให้เกิดลมนั่นเอง

พี่ๆลองคิดดูครับว่าแล้วอากาศจะไหลอย่างไร


ถ้าอุณหภูมิในอากาศสูงกว่าเล็กน้อยความสามารถในการอุ้มไอน้ำจะดีกว่า อุณหภูมิที่น้อยกว่า และหากอุ้มน้ำไว้จะทำให้อุณหภุมิลดลงได้เล้กน้อย

Unknown กล่าวว่า...

น้องอั้มครับ
เรื่องของลมถูกต้อง-เป็นไปตามที่คุณอั้มเขียนไว้ทุกประการครับ
แต่ผมอยากรบกวนให้ตีวงให้แค่วงมาอยู่เรื่องของกำแพง 2 ชั้นหน่อยครับ
อยากทราบว่า กำแพง 2 ชั้นแบบ1 จะมีการไหลเข้าออก การถ่ายเทอากาศระหว่างผนังจะอย่างไรบ้าง
การลดแสงที่จะเข้าไปตามท่อ PVC ของผนังแต่ละแบบได้อย่างไร มากน้อยขนาดไหนครับ รบกวนหน่อย
นะน้องอั้ม ผมคิดว่ายังมีคนที่อาจจะยังสงสัยเหมือนกับผมอยู่เหมือนกันนะครับ

vuthmail-Thailand

Unknown กล่าวว่า...

จาก Comment ของน้องอั้ม ผมอยากถามเพื่อนๆ หน่อยครับว่า อากาศร้อนจะออกไป
แล้วอากาศเย็นจากที่ไหนที่จะเข้ามาแทนที่ แล้วความร้อนจะสะสมในผนังแบบที่ 1

ได้หรือไม่ครับ-ผมว่ามันน่าคิดนะ
Vuthmail-Thailand

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ข้อหนึ่งลดแสงได้ดีกว่าแน่นอน ความร้อนสะสมหากกำแพงอยุ่ห่างกันประมาณ25 cm ไม่น่ามีปัญหาเท่าไร แต่ถ้าเราใช้สแลนด์กางด้านกำแพงที่โดนแดดมากที่สุดในระยะที่ห่างออกไปพอสมควร และด้านล่างสูงจากพื้นซักหนึ่งเมตร ผมว่าน่าจะลดแสงแดดและความร้อนลงได้มากทีเดว และลมสามารถเคลื่อนตัวได้ และข้อสองถ้าเราเปลี่ยนพัดลมเป็น น้ำพุเล็กๆ หรือว่าใช้แบบ pvc เล็กเจาะรู แบบที่ฉี่ในร้านเหล้า ให้หยด ผ่านอากาศลงอ่างน้ำรอบอาคาร อาจได้ผลดีกว่า แต่ต้องวางอ่างแบบน้ำล้นและดุดกลับมาใช้ใหม่ โดยน้ำล้นจะตกลงบนอ่างสำรองและถูกดูดโดยปั้มขึ้นแทงน้ำด้านบนของบ้านเมื่ออุณภูมิสูง นึกภาพง่ายๆคล้ายแบบตู้ปลา และอาจต้องคำนวณเปรียบเทียบค่าไฟดูและความเหมาะสมครับ

หากมีส่วนใดที่ผิดพลาดต้องขออภัยด้วย เพราะเป็นไอเดีย ที่ยังไม่ได้ทดลองครับ
อั้ม

Unknown กล่าวว่า...

น้องอั้มครับ ความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมครับ

ผมขอเสริมจากประสบการณ์ที่ได้รับรู้รับทราบมาเพิ่มเติมอีกสักหน่อยครับ เพื่อความสมบรูณ์

การใช้แสลนด์ มีข้อดีข้อเสียเหมือนกันครับ ข้อดีน้องอั้มได้เขียนไปแล้ว ส่วนข้อเสีย ก็คืออายุการใช้ที่สั้น
เนื่องจากต้องโดนแสงแดดตลอดเวลาทำให้กรอบ เมือโดนลมกระโชกแรงๆไม่กี่ครั้งก็จะขาด เสียหายต้อง
ทำกันใหม่ แล้วมันก็จะยากตอนที่ซ่อมนี้แหละครับ

แต่ผมต้องขอชมเชยความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิด กล้าเดินนอกกรอบ ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องดีเสียมากกว่าที่จะ
เป็นเรื่องเสียหาย และที่สำคัญมีแนวความคิดเป็นของตัวเอง ทำตัวเป็นคนน้ำครึ่งแก้ว อยางนี้ไปโลดแน่ๆๆ

Vuthmail-Thailand

Krichst กล่าวว่า...

ผมว่ารูป 1 นี่ตอบโจทย์ได้ครบถ้วน ผนังชั้นนอกรองรับทุกอย่าง ทั้งแดด (ความร้อน) ลม แสงสว่าง ศ้ตรูหรือสัตว์ลบกวนอื่นๆ ที่จะเข้ามาในอาคารนก (ภายใน) ส่วนท่อPVCภายนอกทำให้แสงสว่างลดลงอย่างมาก แต่จะมีการเรืองแสงในช่องผนังชั้นในของระหว่างผนัง 2 ชั้นและป้องกันด้วยข้องอ ของท่อPVCชั้นในอีกทีจึงกันแสงได้ 80-90% เยี่ยมครับ ช่องอากาศระหว่าง 2 ผนังก็เป็นฉนวนอากาศที่จะดันความร้อนที่ส่งผ่านจากผนังภายนอกให้ผ่านออกไปทางท่อบน ของผนังภายนอก ทำให้ไม่เกิดการสะสมมวลความร้อนมายังผนังชั้นในหรือมีก็เป็นส่วนน้อย เพราะคุณสมบัติของความร้อนจะเบาและลอยตัวขึ้นสูง
ส่วนรูป 2 ผมไม่ชอบเลย แสงเข้าตรงไปภายใน และอื่น ๆ อีกที่เข้าตรงไปในอาคารอีก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หรือถ้าแสลนด์มันยากต่อการซ่อม เราเปลี่ยนมาเป็นปลูกต้นไม้ดีไหม อย่างต้นกระถินก้อได้ เป้นได้ทั้งแหล่งอาหาร บังแสงแดดและให้ร่มเงาได้ ลมพัดผ่านได้ง่าย แถมยังช่วยลดก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย
อั้ม

Unknown กล่าวว่า...

ยังมีวิธีคล้ายกันกับการใช้แสลนด์ แต่ดีกว่ามาก ทำได้ทุกเงื่อนไขที่แสลนด์ทำได้เลย
ดีกว่า ทนกว่า ไม่ต้องซ่อมแซมไปอีกนาน สัก 8-10 ปี อย่างน้อยๆ หรือมากกว่า

ลองคิดดูกันครับ ผมจะมาเฉลยให้ฟังตอนหลังนะครับ หากฟังความเห็นกันอีกสักนิดหน่อยครับผม

Vuthmail-Thailand

Unknown กล่าวว่า...

พิมพ์ผิด อยากฟังความคิดเห็นจากเพื่อนๆอีกสักหน่อย

bon กล่าวว่า...

ฉีดโพมเป็นงัยครับ เป็นวิธีที่เคยคิดแต่ไม่เคยทำเท่าที่เคยคุยกับผู้จัดการผับทราบมาว่าราคาต่อตารางเมตรไม่เท่าไหร่ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นโฟมที่ติดไฟง่ายหรือเปล่า

Unknown กล่าวว่า...

อีกหนึ่งความคิดที่ดีๆ มาแล้วนะครับ อย่ามั่วนิ่งเฉยครับ

ช่วยกันคิดช่วยกันต่อยอดไปได้อีกนะครับ ส่งกันมาอีกครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เท่าที่ทำอยู่กับบ้านนก ของผมใช้
1.สแลนด์ ถ้าติดตั้งโดยมีลวดขึึงให้ถี่และดึงให้ตึง จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องขาด ตอนนี้ 3 ปี แล้ว ยังok อยู่
2.ซีเมนต์บอร์ด ผมติดกรณีที่ต้องรับแดดและลมแรงๆ
3.สังกะสี อันนี้ไม่เคยใช้แต่เห็น มาเลย์ชอบใช้ด้วยเหตุผลว่า เมื่อสังกะสีร้อน จะเกิดการถ่ายเทอากาศทำให้เกิดลม ประมาณนี้
/บ้านนก/

Unknown กล่าวว่า...

ขอบพระคุณมากครับ คุณบ้านนก ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ช่วยกันทำสิ่งที่ดีๆครับ

ผมคิดว่าแล้วครับ จะต้องมีคนที่คิดออก

ผมก็ชอบแบบกระเบื้องแผ่นเรียบ Cement Board หรือ Smart Board หรืออะไรก็ได้ครับที่เป็นแผ่นเรียบ เพราะว่าไม่ได้ใช้ในห้องนกหรืออยู่ในตึกนก นำมาใช้แทนแสลนด์ที่ผุพังได้ง่ายกว่า แสลนด์อายุใช้สั้นกว่า หากว่าใช้เป็นตระกูลแผ่นเรียบจะมีอายุการใช้งานได้นานกว่าครับ ติดตั้งแล้วกว่าจะต้องเปลี่ยนใหม่ผมว่านานเอาการนะครับ แต่ก็ต้องระวังเรื่องสนิมหน่อย ซึ่งจะเกิดกับโครงเหล็กที่ยึดกับแผ่นเรียบทั้งหลายแหล่

เราตีประเด็นเรื่องของวัสดุออกแล้วนะครับ

คุณบ้านนก บอกว่า Malaysia เอาใช้สังกะสีทำให้เกิดลม น่าคิดนะครับ

แต่ว่าเราไม่เอาแบบต่างประเทศ เราจะเอา Idea คนไทยดีกว่าครับ
หากว่าจะเอาตระกูลแผ่นเรียบ แล้วจะทำให้เกิดลมได้อย่างไร แนะนิดหน่อยครับ เป็นเรื่องของ องศา หรือ มุม อะไรประมาณนี้ครับ

เสนอความคิดกันมาเลยครับผม ว่า " มุม หรือ องศา " มาเกี่ยวกับเรื่องการทำให้เกิดลมได้อย่างไรครับ

02.02.53
Vuthmail-Thailand

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เสริมเรื่องสำหรับผู้หลีกเลี่ยงการใช้สแลนด์ไม่ได้
แนะนำว่าให้เอาไปเย็บขอบอย่างผ้าแบนด์เนอร์ โฆษณาหรืออิ้งเจ็ทอ่ะครับจะทำให้ ลดการฉีกขาด และง่ายต่อการติดตั้ง หากจะติดไว้ข้างกำแพงตึก แนะนำให้ด้านบนสุดยื่นเหล็กออกมาด้านปลายติดรอก และมีคานเหล็กอีกอันไว้มัดขอบสแลด์ซึ่งจะมีรูที่เจาะไว้แล้ว แล้วชักขึ้นแบบธง(ใช้ลวดสลิงครับจะได้ขาดยาก) ส่วนเรื่องเหล็กที่ยื่นออกมาแล้วปลายติดรอกนั้น จะมีกี่อันตามความเหมาะสมความยาวตึกและความเหมาะสม หากมีไว้เหมาะสมจะทำให้คานเหล็กไม่แอ่น แล้วก็มัดยึดในส่วนด้านล่างอีกที ทีนี้น่าจะติดตั้งและเปลี่ยนได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์อื่นยังนึกไม่ออกครับ
มีอีกข้อที่สงสัยครับถ้าอุณหภูมิสูง เราจะใช้เครื่องทำหมอก พัดลม อะไรว่ากันไป แต่ถ้าอุณหภูมิเริ่มต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส หละครับ
จะทำกันอย่างไร หรือยังไม่มีกรณีนี้ครับ
อั้ม